กรุงเทพฯ--14 พ.ค.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
‘ผลิตภัณฑ์ตราเพชร’ — DRT อวดผลการดำเนินงานไตรมาสแรก ทำรายได้จากการขายและบริการ 1,156 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 155 ล้านบาท หลังกระเบื้องจตุลอนช่วยดันตลาดส่งออกเติบโตโดดเด่น มั่นใจแนวโน้มธุรกิจไตรมาส 2 ทำยอดขายพุ่งต่อเนื่อง จากการเดินเครื่องจักรอิฐมวลเบาเร็วกว่ากำหนด แถมจับมือพันธมิตร ‘แฮดเลย์’ พัฒนา คานรับหลังคา ‘อะเส’ แบรนด์ “ตราเพชร” ช่วยลดเวลาการยึดประกอบโครงหลังคา ตอบโจทย์ด้านงานก่อสร้างให้แก่โครงการที่อยู่อาศัย คาดโรงงานอิฐมวลเบาที่ซื้อเข้ามาใหม่ ทำรายได้ 100 ล้านบาทในปีนี้
นายอัศนี ชันทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ ไม้ลามิเนต แผ่นบอร์ด ยิปซัม และบริการหลังการขาย ภายใต้แบรนด์ ‘ตราเพชร’ เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาสแรกประจำปี 2556 (มกราคม-มีนาคม) ว่า บริษัทฯ มีรายได้ 1,156 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 105 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้ 1,051 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 155 ล้านบาท
“ในไตรมาสแรก ผลประกอบการด้านรายได้มีการเติบโตที่ดี แต่ในส่วนของกำไรสุทธิมีอัตราการเพิ่มขึ้นไม่สูงมากนัก (หลังหักกำไรจากการขายที่ดินที่ไม่ได้ใช้งาน) เนื่องจากผลกระทบจากค่าแรงขั้นต่ำ และค่าใช้จ่ายโสหุ้ยต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตามปัจจัยจากสินค้าภายใต้แบรนด์ตราเพชรที่มีความหลากหลายมากขึ้น และมีกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง เช่น การดึงบัวขาว เป็นพรีเซ็นเตอร์กระเบื้องจตุลอน ที่ช่วยสร้างภาพลักษณ์ตอกย้ำความเชื่อมั่นตัวสินค้า ที่โดนใจผู้บริโภค ทำให้สินค้าดังกล่าวได้รับการตอบรับที่ดีทั้งตลาดในประเทศและทำยอดขายจากตลาดต่างประเทศที่มีอัตราการเติบโตอย่างโดดเด่นได้มากขึ้น” นายอัศนี กล่าว
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) กล่าวด้วยว่า ตามที่บริษัทฯ ได้ตั้ง บริษัทไดมอนด์ วัสดุ จำกัด เพื่อเข้าดำเนินการซื้อกิจการโรงงานอิฐมวลเบาที่จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้มีกำลังการผลิตอิฐมวลเบาเพิ่มขึ้นทันทีอีก 1.5 ล้านตารางเมตรต่อปีนั้น DRT วางแผนที่จะใช้โรงงานดังกล่าวเป็นฐานผลิตอิฐมวลเบาเพื่อจำหน่ายในเขตพื้นที่ภาคเหนือทั้งหมด ซึ่งรายได้จากโรงงานที่ซื้อเข้ามาใหม่นี้ คาดว่าจะทำได้ประมาณ 100 ล้านบาทในปีนี้
ด้านนายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด DRT กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ในปีนี้ คาดว่า บริษัทฯ จะทำรายได้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากบริษัทฯ สามารถเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในสายการผลิตอิฐมวลเบา ที่มีกำลังการผลิต 140,000 ตัน เพื่อวางจำหน่ายสินค้าได้ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งถือว่าเร็วกว่ากำหนดการเดิมที่คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในปลายเดือนมิถุนายน เพื่อรองรับความต้องการใช้อิฐมวลเบาในตลาดที่ปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ 20-25%
ขณะเดียวกัน ยังทำให้ DRT มีขีดความสามารถทางการแข่งขันทำตลาดผ่านช่องขายตัวแทนจำหน่ายและห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ ที่มีกว่า 6,000 ราย พร้อมจะนำสินค้าไปวางจำหน่าย รวมถึงกลุ่มลูกค้าโครงการที่ DRT สามารถนำเสนอสินค้าที่หลากหลายเพื่อรองรับความต้องการลูกค้ากลุ่มนี้ที่ปัจจุบันมีการขยายงานก่อสร้างที่อยู่อาศัยทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ DRT ยังร่วมกับ แฮดเลย์ ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจพัฒนาคานรับหลังคา หรือ อะเส แบรนด์ตราเพชร ที่ช่วยลดระยะเวลาในการติดตั้งโครงหลังคาให้แก่กลุ่มลูกค้าโครงการอีกด้วย
ทั้งนี้ จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้น DRT จึงมั่นใจว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ของปีนี้ จะทำยอดขายเติบโตได้อย่างโดดเด่นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน อีกทั้งยังจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานโดยรวมในปีนี้ ที่คาดว่าจะทำรายได้เพิ่มขึ้นตามเป้าที่วางไว้ 10% อย่างแน่นอน