กรุงเทพฯ--14 พ.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บมจ.ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์ (UAC) เร่ง เดินหน้าขยายโครงการ CGB ทั้ง 20 โครงการ ให้แล้วเสร็จตามแผนทันปี58 คาดจะส่งผลให้มีรายได้เพิ่มเข้ามาเฉลี่ย 1,200 ล้านบาทต่อปี ขณะที่โครงการPPP พร้อมผลิตในเชิงพาณิชย์ เริ่มทยอยรับรู้รายได้ครึ่งปีหลังนี้ ด้าน “ กิตติ ชีวะเกตุ ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ระบุ UAC เตรียมเปิดตลาดธุรกิจพลังงานทดแทนอย่างเต็มรูปแบบ ปั้นรายได้เข้ากระเป๋าปี 2558 ไม่ต่ำกว่า3,000 ล้านบาท
นายกิตติ ชีวะเกตุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัทยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์ (UAC) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการผลิตก๊าซชีวภาพอัดความดันสูง( Compressed Bio- Methane Gas หรือ CBG ) หลังจากที่บริษัทฯได้รับการส่งเสริมจากกระทรวงพลังงานในการขยายโครงการเพิ่ม ซึ่งแบ่งเป็นโครงการที่บริษัทฯ ลงทุนเอง 10 โครงการ และเป็นโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรอีก10 โครงการว่า ได้เริ่มบางส่วนแล้ว โดยโครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จตามแผน ภายในปี 2558 ทั้งนี้หากการลงทุนในโครงการในข้างต้นแล้วเสร็จ ก็จะส่งผลให้บริษัทฯสามารถรับรู้รายได้เข้ามาเฉลี่ย1,200 ล้านบาทต่อปี
ส่วนโครงการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม(Petroleum Production Project หรือ PPP จ.สุโขทัย ในการผลิตก๊าซธรรมชาติอัด (Compressed natural gas : CNG) นั้น ล่าสุดบริษัทฯ เริ่มทำ commissioning แล้ว และจะเริ่มผลิตในเชิงพาณิชย์ โดยคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 3/2556 โดยในปีนี้ บริษัทฯจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากโครงการดังกล่าว ประมาณ 120 -150 ล้านบาท หรือเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาทต่อไตรมาส และคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาเต็มที่ในปี 2557 เฉลี่ยประมาณ 300 — 350 ล้านบาทต่อปี โดยโครงการดังกล่าว มีกำลังการผลิต รวมประมาณ 20,000 ตันต่อปี แบ่งเป็น CNG 65%, LPG 30% และ NGL 5%
นายกิตติ กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่บริษัทฯขยายธุรกิจพลังงานทดแทนว่า ธุรกิจดังกล่าวยังคงเป็นโอกาสให้กับบริษัทฯ ต่อยอดในการขยายรายได้ เพิ่มในอนาคต เนื่องจากเชื่อว่า Knowhow และความเชี่ยวชาญของบริษัทฯ สามารถมองหาวัตถุดิบ เพื่อนำมาผลิตเป็นพลังงานทดแทนได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการสนับสนุนของภาครัฐบาลที่เปิดโอกาสให้พลังงานทดแทนเข้ามามีบทบาท ที่จะช่วยลดการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้บริษัทฯได้รับอานิสงส์ และสามารถต่อยอดธุรกิจได้ง่ายขึ้น
“ หากแผนการขยายการลงทุนสำเร็จ จะส่งผลให้ UAC มีอัตราการเติบโตตาม ตั้งเป้าหมายที่วางไว้ว่า ภายในระยะ 3 ปีข้างหน้าบริษัทฯจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 30% ซึ่งจะทำให้รายได้ของบริษัทฯในปี2558 แตะ 3,000 ล้านบาท โดยจากการปรับสัดส่วนรายได้ของธุรกิจ จากเดิมที่เน้นหนักไปทางเทรดดิ้ง(ธุรกิจหลัก) มาเป็นรายได้จากธุรกิจพลังงานทดแทน 60% และอีก 40% จากมาจากธุรกิจหลักเดิม ” นายกิตติ กล่าว
นอกจากนี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ UAC ยังได้กล่าวถึงผลประกอบการประจำงวดไตรมาส1/2556 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2556 ว่า บริษัทฯมีกำไรสุทธิรวม 35.79 ล้านบาท ลดลง 2.16% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2555 ขณะที่รายได้อยู่ที่ 248.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% ทั้งนี้ สาเหตุที่บริษัทฯมียอดขายเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ปรับตัวเพิ่มขึ้นและบริษัทเร่งมอบสินค้าตาม Backlog ที่ต่อเนื่องมาจาก Q4/2556 จากที่ในช่วงไตรมาส 4/2555 มีการเลื่อนการส่งมอบผลิตภัณฑ์สารเคมีออกไปส่งผลให้รายได้บางส่วนทยอยเข้ามาในไตรมาสนี้ ขณะเดียวกัน บริษัทฯยังคงรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมทุน กับบริษัท บางจากไบโอฟูเอล (BBF) ที่มีสัดส่วนการลงทุนระหว่าง UAC กับ BCP 30 : 70 โดยคาดว่าผลประกอบการของ BBF ในปีนี้จะเติบโตต่อเนื่องทั้งปี
“ ผลงานไตรมาส1/2556 ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นเพราะการรับรู้รายได้จากผลิตภัณฑ์สารเคมี และการรับรู้ผลตอบแทนจากกำไรในบริษัทร่วมทุน โครงการBBF และบริษัทฯ ยังสามารถบริหารต้นทุนการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้นจึงทำให้สะท้อนเห็นชัดเจนว่าธุรกิจมีอัตราการเติบโตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ” นายกิตติ กล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับประมาณการรายได้ในปีนี้ บริษัทฯ ยังคงประมาณการอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 20-30% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยรายได้จะมาจากธุรกิจเทรดดิ้ง ประมาณ 75% และ ธุรกิจพลังงาน จะอยู่ที่ 25% ซึ่งมาจาก การรับรู้รายได้จากโครงการ PPP ที่ จ.สุโขทัย และรายได้จากโรงงานผลิตก๊าซชีวภาพอัดความดันสูง ( Compressed Bio- Methane Gas หรือ CBG ) ส่วนรายได้จากบริษัทร่วมลงทุนผลิตน้ำประปาเพื่อจำหน่ายแก่หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ซึ่งร่วมธุรกิจกับ HYDRO บริษัทคาดว่าจะมีรายได้เข้ามาในปีนี้ประมาณ 100 ล้านบาท