กรุงเทพฯ--14 พ.ค.--IR network
บมจ.โรงพิมพ์ตะวันออก (EPCO) เรียกรอยยิ้มให้กับผู้ถือหุ้น โชว์กำไรไตรมาส1/2556 สุดประทับใจกำไรกระฉูดอยู่ที่ 47.07 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นถึง 117.66% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 21.62 ล้านบาท เหตุรายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์หนุน เพิ่มรายได้จากการขายเป็น 218.6 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีที่ 158.4 ล้านบาท “ยุทธ ชินสุภัคกุล ” ฟันธงต่อจากนี้ไป EPCO จะสร้างความประทับใจให้กับผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากธุรกิจมีความแข็งแกร่งและขยายตัวได้อย่างมีศักยภาพ
นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) (EPCO) เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส1/2556 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2556 ของบริษัทและบริษัทย่อย ปรากฎว่ามีกำไรสุทธิจำนวน 47.07 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิจำนวน 21.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.45 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นถึง 118% โดยสาเหตุที่ทำให้ผลประกอบการในไตรมาส 1/2556 ของ EPCO ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีรายได้รวม 226.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 174.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.04 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 30%
“ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของปีนี้ถือว่าเติบโตอย่างโดดเด่น เรียกได้ว่าทำกำไรสูงสุด เห็นแล้วปลาบปลื้มใจแทนผู้ถือหุ้นเป็นอย่างยิ่ง โดยกิจการสิ่งพิมพ์มีกำไรเพิ่มขึ้น 21% หรือ 4.98 ล้านบาท และกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ มีกำไรเพิ่มขึ้น 20.46 ล้านบาท เนื่องจากรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าที่อำเภอบ่อพลอยและอัตรากำไรขั้นต้นของกิจการสิ่งพิมพ์ในไตรมาส 1/2556 เพิ่มขึ้นเป็น 24.2 % จากในไตรมาส 1/2555 ที่ 17.4% และคาดว่าตลอดปี 2556 จะคงไว้ที่ 22.5 % เพราะจะมียอดขายสิ่งพิมพ์เพิ่มขึ้นกว่า 15 % จากปี 2555 ผนวกกับที่ผ่านมาทีมงานผู้บริหารและบุคลากรในส่วนงานต่างๆ ของบริษัทได้ตั้งใจทำงานกันอย่างเต็มกำลัง เพื่อผลักดันให้ธุรกิจของ EPCO เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้กับผู้ถือหุ้น นับต่อจากนี้ความมุ่งมั่นดังกล่าวก็จะมีให้เห็นอย่างต่อเนื่องเพื่ออนาคตของบริษัท” นายยุทธ กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/2556 คาดว่าจะเป็นไปตามทิศทางใกล้เคียงกับ Q1/56 เนื่องจากจะมีกำไรของโรงไฟฟ้าคงที่ โดยยอดขายสิ่งพิมพ์อาจลดน้อยลงตามฤดูกาล พร้อมมองว่า
ภาพรวมธุรกิจของ EPCO ในปีนี้จะสามารถเติบโตอย่างมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อน โดยตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 30% หรือประมาณ 900 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ที่ 691.17 ล้านบาท เนื่องจากจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างเด่นชัด จากการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาดกำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์ ที่อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเริ่มจ่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ไปแล้วตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2555 ที่ผ่านมา โดยได้ประมาณการรายได้จากโครงการดังกล่าว ประมาณ 200 ล้านบาทต่อปี ซึ่งโครงการดังกล่าวมีสัญญาเป็นระยะเวลา 25 ปี และมีรายได้ตลอดอายุสัญญาไม่ต่ำกว่า 2,800 ล้านบาท
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง คาดว่าจะสามารถจำหน่ายกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ระบบได้ปลายปี 2556 และจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/2556 อย่างไรก็ตามรายได้จากธุรกิจพลังงานจะเป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งบริษัทยังมีแผนขยายธุรกิจเพิ่มอย่างต่อเนื่องเพื่อผลักดันรายได้และกำไรให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต