กรุงเทพฯ--26 ก.ย.--แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์
L.P.N. เพิ่มจุดขาย สร้างความแตกต่างในตลาดคอนโด ด้วยงานบริหารอาคารชุดที่มีประสิทธิภาพ ของบริษัทในเครือ บริษัท ลุมพินี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด (L.P.P.) การันตีด้วยตัวเลขอาคารที่บริหารกว่า 70 อาคาร พื้นที่รวมกว่า 1 ล้านตร.ม. อัตราเฉลี่ยการเติบโตของเงินกองทุนสูงถึง 73% เชื่อมั่นในอนาคตลูกค้าจะให้ความสำคัญกับทีมบริหารอาคารเทียบเท่าราคาและทำเล พร้อมมุ่งให้ความสำคัญกับการสร้างสิ่งแวดล้อมภายในโครงการ มั่นใจปี 48 สร้างรายได้เฉพาะจากงานบริหารจัดการอาคารชุด ทั้งสิ้นกว่า 52 ล้านบาท
นายพิเชษฐ ศุภกิจจานุสันติ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด ( L.P.P.) บริษัทบริหารอาคารชุดในเครือบริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (L.P.N.) เปิดเผยว่า จากนโยบายของ L.P.N. ที่มอบหมายให้บริษัทฯ ทำหน้าที่บริหารอาคารชุดในทุกโครงการที่ L.P.N. พัฒนาขึ้น เพื่อรักษามูลค่าของทรัพย์-สิน สร้างเสริมชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้พักอาศัยนั้น ขณะนี้บริษัทฯ มีอาคารชุดที่บริหารจัดการอยู่ทั้งสิ้น รวม 74 อาคารชุด 40 นิติบุคคล คิดเป็นพื้นที่รวมกว่า 1 ล้านตร.ม. โดยแบ่งเป็น 1) อาคารชุดพักอาศัย จำนวน 70 อาคารชุด 36 นิติบุคคล 2) อาคารชุดสำนักงาน จำนวน 2 อาคารชุด 2 นิติบุคคล 3) ทาวน์เฮาส์ จำนวน 1 โครงการ 1 นิติบุคคล และ 4) เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ จำนวน 1 อาคารชุด 1 นิติบุคลล โดยในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทฯ สามารถสร้างรายได้จากการบริหารจัดการอาคารชุดพักอาศัย คิดเป็น 25 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2547 คิดเป็น 36 % ซึ่งคาดว่าสิ้นปี 2548 บริษัทฯ จะสามารถสร้างรายได้เฉพาะจากงานบริหารจัดการอาคารชุด ทั้งสิ้น 52 ล้านบาท
นอกจากนั้น จากการบริหารที่มีประสิทธิภาพส่งผลให้เงินกองทุนนิติบุคคลอาคารชุดสะสม ตั้งแต่ปี 2536-2548 ของ 40 นิติบุคคล มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 61 ล้านบาท เป็น 106 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็น 73% ซึ่งเงินกองทุนสะสมถือเป็นเงินที่บริษัทฯ ได้เรียกเก็บจากลูกค้าในครั้งแรกก่อนเข้าอยู่อาศัย และมีการบริหารจัดการเพื่อให้มูลค่าเพิ่มมากขึ้น เพื่อใช้เป็นเงินสำรองในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือซ่อมแซมอุปกรณ์สำคัญในอาคารหากเกิดการชำรุดเสียหาย
“สำหรับสาเหตุที่บริษัทฯ รับบริหารอาคารชุดเฉพาะโครงการของ L.P.N. นั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนโยบายของ L.P.N. ที่ต้องการให้บริษัทฯ ดูแลลูกค้าด้วยงานบริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพ ให้ความสำคัญกับการสร้างชุมชนคุณภาพด้วยงานบริหารจัดการอาคารชุดที่สมบูรณ์พร้อมที่สุด ใส่ใจในทุกรายละเอียดเสมือนลูกค้าเป็นเพื่อนเป็นพันธมิตรระหว่างกัน ซึ่งจากประสบการณ์การดำเนินงานสามารถบอกได้ว่า ต่อจากนี้ไป ประสิทธิภาพของการบริหารอาคารชุดจะเป็นอีกเหตุผลสำคัญที่ลูกค้าจะให้ความสนใจและนำมาประกอบการตัดสินใจเลือกซื้ออาคารชุดมากขึ้น ดังนั้น บริษัทฯ จึงต้องการแสดงให้ลูกค้าเห็นถึงความตั้งใจ และความพร้อมของทีมงานที่จะดูแลและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้สมบูรณ์พร้อมมากที่สุด ก่อนที่จะขยายผลไปรับบริหารงานภายนอกต่อไปในอนาคต” กรรมการผู้จัดการกล่าว
สำหรับแผนงานในอนาคต บริษัทฯ มุ่งให้ความสำคัญในเรื่องการพัฒนาสิ่งแวดล้อมภายในโครงการมากขึ้น เป็นการสานต่อนโยบายของ L.P.N. เพื่อให้สมาชิกในโครงการมีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ กำหนดให้โครงการลุมพินี เพลส วอเตอร์คลิฟ อาคารชุดพักอาศัยสูง 36 ชั้น 4 อาคาร 620 ยูนิต พื้นที่โครงการประมาณ 5-1-91.3 ไร่ เป็นโครงการต้นแบบ ทั้งในด้านการบริหารสิ่งแวดล้อม การบริหารจัดการงานระบบต่างๆ ภายในอาคาร โดยได้มีการดำเนินงานต่างๆ ไปแล้ว เช่น การรณรงค์ให้ผู้อยู่อาศัยใส่ใจในเรื่องของการประหยัดพลังงาน การใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้คุ้มค่ามากที่สุด รวมถึง การดูแลและพัฒนาระบบการบำบัดน้ำเสียให้ได้มาตรฐาน การนำน้ำที่ได้รับการบำบัดกลับมาใช้ใหม่ เป็นต้น ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ พร้อมเปิดให้ผู้ที่สนใจเข้ามาศึกษางานระบบ และการบริหารจัดการอาคารชุด
นอกจากงานด้านบริหารจัดการชุมชนที่ถือเป็นงานหลักแล้ว บริษัทฯ ยังได้จัดตั้งหน่วยงานที่ไม่หวังผลกำไร เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าของ L.P.N. เช่น การจัดตั้งหน่วยงาน “ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์” เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่สมบูรณ์ภายในโครงการ ผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ การจัดตั้ง “Call Center” 02-800-9009 ที่พร้อมให้บริการด้านข้อมูลทุกรูปแบบ ภายใต้คอนเซ็ปต์ One Stop Service “ฝ่ายธุรกิจนายหน้า” ให้บริการด้านการรับฝากขาย ฝากเช่า และการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดและอาคารสำนักงาน ภายใต้อัตราค่าบริการที่เหมาะสม และการจัดตั้ง “ฝ่ายบริการงานวิศวกรรม” เพื่อให้บริการงานซ่อมแซมส่วนต่างๆ ภายในห้องชุด
สามารถคลิกดูภาพได้ที่ www.thaipr.net--จบ--