กรุงเทพฯ--15 พ.ค.--บลจ. กสิกรไทย
นายจงรัก รัตนเพียร ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ. กสิกรไทย จะเสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี บีเอส (KFF1YBS) ประมาณการณ์ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.85% ต่อปี เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนเพื่อล็อกผลตอบแทนยาวขึ้นท่ามกลางทิศทางผลตอบแทนจากตราสารหนี้ที่เริ่มปรับตัวลง โดยกองทุนดังกล่าวจะมีการกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ Itau Unibanco S.A. และ ตราสารหนี้ Banco Santander S.A. ประเทศบราซิล ซึ่งได้รับการจัดอันกับความน่าเชื่อถือจาก FITCH ที่ BBB+ และ BBB ตามลำดับ ร่วมด้วย Commercial paper ที่รับประกันโดย Sberbank, ประเทศรัสเซีย (BBB/Fitch) ส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊า (A/Fitch) และ เงินฝาก Al Khaliji Commercial Bank, ประเทศกาตาร์ (A-/Fitch) โดยกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
“บลจ. กสิกรไทย เป็น บลจ. เดียวที่เสนอกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศอายุ 1 ปี เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนในสัปดาห์นี้ ซึ่งเรายังคงแนะนำให้ผู้ลงทุนล็อกผลตอบแทนกับกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศที่มีอายุ 6 เดือน ถึง 1 ปี เนื่องจากเป็นทางเลือกที่ให้โอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ในประเทศที่มีอายุใกล้เคียงกัน โดยแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยรวมถึงผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศน่าจะยังคงอยู่ในภาวะต่ำรวมทั้งมีโอกาสปรับลดลง และแม้ว่าตลาดจะได้คาดการณ์ล่วงหน้าและอัตราผลตอบแทนได้ปรับลดลงมาแล้ว ก็ตาม แต่หากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาจริงก็อาจส่งผลกระทบต่อทั้งกองทุนคุ้มครองเงินต้นและกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศให้มีอัตราผลตอบแทนลดลงได้อีก นอกจากนี้ การที่ธนาคารกลางในภูมิภาคเอเชียหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นเกาหลีใต้ เวียดนาม ออสเตรเลีย หรืออินเดีย ก็ได้ทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาอาจเพิ่มแรงกดดันต่อธนาคารแห่งประเทศไทยในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น ในขณะที่แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในประเทศของไทยเองก็ยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ อันจะส่งผลให้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของไทย น่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง และทำให้แนวโน้มอัตราผลตอบแทนของกองทุนตราสารหนี้ที่จะมีการ IPO นับจากนี้ไป อาจทรงตัวหรือปรับลดลงอีกได้ จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ลงทุนที่จะเลือกล็อกผลตอบแทนไว้ก่อนกับกองทุนตราสารหนี้ที่มีอายุยาวขึ้น” นายจงรักกล่าว
นายจงรักกล่าวต่อไปว่า นอกเหนือจากกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศอายุ 1 ปีที่ได้กล่าวไปแล้ว บลจ. กสิกรไทย จะเสนอขายกองทุนตราสารหนี้อายุ 3 เดือน และ 6 เดือน เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนเพิ่มเติม ประกอบด้วย กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน ซีเอ็น (KFI3MCN) ประมาณการผลตอบแทนที่ 2.65% ต่อปี โดยจะลงทุนใน ตราสารหนี้ Banco BTG Pactual S.A., ประเทศบราซิล ตราสารหนี้ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ตราสารหนี้ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊า และเงินฝาก Al Khaliji Commercial Bank, ประเทศกาตาร์ ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก FITCH ที่ BBB-, A+(tha), AA-(tha), A และ A- ตามลำดับ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน บีเจ (KFI6MBJ) โอกาสรับผลตอบแทนที่ 2.75% ต่อปี โดยจะลงทุนใน ตราสารหนี้ Itau Unibanco S.A, ตราสารหนี้ Banco BTG Pactual S.A., และ ตราสารหนี้ Banco ABC Brasil S.A ประเทศบราซิล (BBB+, BBB-, BBB-, Fitch) ร่วมด้วยตราสารหนี้ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) (A+(tha)/Fitch) ร่วมด้วยเงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊า (A/Fitch) และเงินฝาก Al Khaliji Commercial Bank, ประเทศกาตาร์ (A-/Fitch)
นอกจากนี้ เพื่อตอบรับความต้องการสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนกับตราสารหนี้ในประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำมาก ในช่วงเวลาเดียวกัน บลจ. กสิกรไทยจะเปิดขายกองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ไทย 3 เดือน ซีเอช (KPPTF3MCH) โอกาสรับผลตอบแทน 2.45% ต่อปี โดยกองทุนดังกล่าวจะลงทุนส่วนใหญ่ประมาณ 80% ในพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝากประจำ 3 เดือน ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (มหาชน)
ผู้ลงทุนที่สนใจ สามารถลงทุนกับกองทุน KFI3MCN, KFI6MBJ, KFF1YBRS และ KPPTF3MCH ได้ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นกองทุนละ 5,000 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถาม KAsset Contact center 0 2673 3888