กรุงเทพฯ--15 พ.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บมจ.คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ หรือ QTC เร่งเดินหน้าประมูลงานใหม่เดือน พ.ค.-มิ.ย. เพิ่ม คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า3,300 ล้านบาท หวังดัน Backlog ทะลุ 300 ล้านบาทในปัจจุบัน ด้าน “พูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ” ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ ระบุ หากบริษัทฯคว้างานใหม่ เพิ่ม ส่งผลรายได้ปีนี้แตะ1,000 ล้านบาท ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ พร้อมฟอร์มโรงงานในประเทศลาว สร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคต
นายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ QTC ผู้ผลิตและจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้าตามคำสั่งซื้อของลูกค้า เปิดเผยว่า บริษัทฯเตรียมยื่นประมูลงานของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)โดยมีมูลค่างาน กว่า 1.5 พันล้านบาท ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าจะทราบผลการประมูลภายในเดือนพ.ค.นี้ นอกจากนี้ ภายในเดือน มิ.ย. บริษัทฯ มีแผนที่จะยื่นประมูลงานของการไฟฟ้านครหลวง ซึ่งมีมูลค่าโครงการกว่า 1.8 พันล้านบาท ทั้งนี้หากบริษัทฯสามารถชนะการประมูลงาน จะส่งผลให้บริษัทฯมีมูลค่างานในมือ(Backlog)เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มีอยู่ 300 ล้านบาท จะส่งผลให้ภายในปีนี้ บริษัทฯจะมีอัตราการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้น ไม่ต่ำกว่า10% หรือกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งหากบริษัทฯมีแนวโน้มการเติบโตตามที่คาดการณ์ไว้ QTC ก็จะมีการขยายตัวของผลการดำเนินงานสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
พร้อมกันนี้ ยังได้กล่าวถึงแผนการขยายการลงทุนโรงงานผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าในประเทศลาว ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนทางกฎหมาย กรณีก่อการสร้างโรงงานผลิตหม้อแปลงไฟฟ้า ในเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถสรุปความชัดเจนได้ ภายในเดือนมิ.ย.นี้ ทั้งนี้หากไม่มีปัญหาอะไรก็จะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้าง ประมาณ 6 เดือน ซึ่งจะใช้งบประมาณในการก่อสร้างไม่เกิน 30 ล้านบาท โดยโรงงานดังกล่าว QTC จะถือหุ้นในสัดส่วน 85% ส่วนที่เหลืออีก 15% จะเป็นบริษัทเอกชนในประเทศลาว
“บริษัทฯประเมินรายได้ในโรงงานผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าที่ลาว อยู่ที่ 100 ล้านบาทต่อปี เนื่องจากเป็นโรงงานผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าแห่งเดียว ในประเทศลาว และเป็นแบรนด์ของ QTC ซึ่งโรงงานดังกล่าวบริษัทฯถือหุ้นในสัดส่วน 85% และ พันธมิตร ในลาวถือหุ้น 15% โดยมีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 20-30 ล้านบาท ทั้งนี้ยอมรับว่าการตั้งโรงงานผลิตหม้อแปลงไฟฟ้า ในประเทศลาว จะส่งผลให้บริษัทฯมีอัตรากำไรที่ดีกว่าการส่งสินค้าเข้าไปขายที่ลาว เนื่องจากไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า 15%” นายพูลพิพัฒน์ กล่าว
พร้อมกันนี้ ยังได้กล่าวถึงผลการดำเนินงาน ประจำงวดไตรมาส 1/2556 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2556 ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 8.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.75 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4,290.11 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 0.20 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวม อยู่ที่ 159.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.34 ล้านบาท คิดเป็น 33.73% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้รวม 119.60 ล้านบาท
ทั้งนี้สาเหตุ ที่บริษัทฯ มีอัตราผลกำไรที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯได้มีการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงและพัฒนาระบบ รวมถึงการซื้อเครื่องจักรใหม่ ให้เหมาะกับกระบวนการในการผลิตหม้อแปลงไฟฟ้า พร้อมทั้ง บริษัทฯได้วางกลยุทธ์ทางการตลาดในการกระจายและส่งมอบสินค้าได้ตามกำหนด