กรุงเทพฯ--15 พ.ค.--ไอดีซี
การเปิดตัวบริการ 3G อย่างเต็มรูปแบบของ 3 ผู้ให้บริการเครือข่ายยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย ได้เปลี่ยนแปลงสภาพการแข่งขันในตลาดการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงในระดับราคาเพื่อรองรับกลุ่ม "แมส" มากขึ้น
ไอดีซีได้ออกบทวิเคราะห์ถึงสภาวะการแข่งขันที่เปลี่ยนไปหลังจากพิจารณาอัตราแพ็คเกจ 3G ใหม่ที่ผู้ให้บริการเครือข่ายได้ประกาศใช้ โดยเชื่อว่าการแข่งขันในเรื่องของราคาและโปรโมชันในช่วง 6 เดือนข้างหน้านี้จะทวีความรุนแรงมากขึ้น จนอาจทำให้เกิดการย้ายค่ายของเหล่าผู้ใช้บริการจำนวนมากได้ หากโอเปอร์เตอร์ใดผู้ให้บริการเครือข่ายหนึ่งเพลี่ยงพล้ำให้การแข่งขันนี้
นีรนุช กนกวิไลรัตน์ นักวิเคราะห์อาวุโสสายงานศึกษาตลาดการให้บริการโทรคมนาคมประจำไอดีซีประเทศไทย ได้เปิดเผยว่า "การแข่งขันนี้จะตัดสินกันที่ราคาเป็นอันดับแรก จากนั้นยกถัดไปจะเป็นการตัดสินที่คุณภาพของการให้บริการ"
นีรนุช เชื่อว่า สำหรับผู้บริโภคที่มีรายได้ระดับกลางนั้น สิ่งที่สำคัญคือความทันสมัยของเทคโนโลยีของดีไวซ์ และนั่นหมายความว่าแพ็คเกจแบบไม่จำกัดปริมาณการใช้งานจะได้รับความนิยมในหมู่คนกลุ่มนี้มากกว่า
"เราจะเห็นตัวอย่างได้จากลักษณะการใช้งานของผู้บริโภคกลุ่มนี้ ที่เน้นการใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์แทบจะตลอดเวลา อีกทั้งยังมีการใช้งานด้านวิดีโอและเล่นเกมในปริมาณมากอีกด้วย"
แต่อย่างไรก็ตาม นีรนุช ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า การเปลี่ยนแปลงของตลาดที่เห็นได้ชัด จะมาจากตลาดกลุ่ม "แมส" มากกว่า "ถ้าผู้ให้บริการเครือข่ายสามารถนำเสนอแพ็คเกจการใช้งานข้อมูลแบบไม่จำกัดปริมาณการใช้ ให้กับกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้น้อย นักเรียนนักศึกษาและกลุ่มคนหนุ่มสาวได้ จะก่อให้เกิดผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้"
นักวิเคราะห์ประจำไอดีซีประเทศไทยยังมีความเห็นอื่นๆ ดังต่อไปนี้
- แพ็คเกจแบบไม่จำกัดปริมาณการใช้งานนั้นเริ่มเสื่อมความนิยมลงเรื่อยๆ ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงในภูมิภาคอาเซียนด้วย เนื่องจากต้นทุนของการให้บริการได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่สำหรับตลาดเกิดใหม่อย่างประเทศไทยนั้น แพ็คเกจลักษณะนี้เป็นสิ่งที่ผู้ให้บริการเครือข่าย ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้หากต้องการกระตุ้นตลาดการให้บริการโมบายล์อินเตอร์เน็ตและการให้บริการอื่นๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือให้เติบโตขึ้น ซึ่งหากราคาไม่สูงเกินไป แพ็คเกจแบบไม่จำกัดจะได้รับความนิยมมากในหมู่ผู้ที่มีรายได้ระดับกลางขึ้นไป
- จาริตร์ สิทธุ นักวิเคราะห์สายงานศึกษาตลาดไคลเอนต์ดีไวซ์ประจำไอดีซีประเทศไทยได้วิเคราะห์เพิ่มเติมว่า "ในความเป็นจริงแล้ว การเปิดตัวการให้บริการ 3G อาจไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดสมาร์ทโฟนมากนัก เนื่องจากสมาร์ทโฟนระดับกลางถึงระดับบนส่วนใหญ่ที่วางขายอยู่ในขณะนี้ได้รองรับ 3G แล้ว โดยเวนเดอร์ได้นำสินค้าที่รองรับ 3G เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยมาเป็นเวลา 2-3 ปีแล้ว แต่ผลกระทบที่เห็นได้ชัดจะอยู่ในตลาดระดับล่างมากกว่า ไอดีซีเชื่อว่าผู้ให้บริการเครือข่ายจะพยายามจำหน่ายสมาร์ทโฟนราคาถูกเพื่อให้ผู้ใช้ฟีเจอร์โฟนเปลี่ยนมาใช้สมาร์ทโฟน ที่กระตุ้นปริมาณการใช้ดาต้ามากขึ้น อีกทั้งยังเรายังจะได้เห็นการนำเสนอบริการและคอนเทนต์ใหม่ๆ เช่น บริการอีบุ๊คและบริการฟังเพลงหรือดูวิดีโอผ่านเครือข่าย 3G"
- จาริตร์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า "ดังนั้นการเปิดตัวบริการ 3G จะไม่ส่งผลกระทบต่อยอดจัดส่งสมาร์ทโฟนในประเทศไทยมากนัก เพราะไทยได้เปิดตัวบริการนี้หลังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเป็นเวลาหลายปี โดยความแพร่หลายของบริการ 3G ในภูมิภาคทำให้บรรดาผู้ผลิตสามารถเพิ่มปริมาณการผลิตจนสามารถลดต้นทุนของสมาร์ทโฟนที่รอบรับ 3G ได้ และนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยก่อนที่จะมีบริการ 3G เสียด้วยซ้ำ การบ้านสำคัญของผู้ให้บริการเครือข่ายจึงมิใช่ป็นเรื่องของการโน้มน้าวให้ผู้บริโภคใช้อุปกรณ์ที่รองรับ 3G แต่เป็นการโน้มน้าวให้ผู้บริโภคเปลี่ยนมาใช้แพ็คเกจที่มีราคาสูงขึ้นเสียมากกว่า"
- กลยุทธ์ที่ผู้ให้บริการเครือข่ายต้องให้ความสนใจในระยะยาว คือการขยายเครือข่ายของเสาสัญญาณเพื่อรองรับบริมาณการใช้งานที่สูงขึ้น ทั้งในกรุงเทพมหานคร และ จังหวัดใหญ่ๆ ทั่วประเทศ แต่อย่างไรก็ดีงบประมาณการลงทุนก็จะสูงขึ้นเป็นเงาตามตัวเช่นกัน นอกเหนือจากการลดราคาแล้ว ผู้ให้บริการเครือข่ายแต่ละราย จำเป็นต้องหาจุดสมดุลระหว่างคุณภาพของการให้บริการและ ความครอบคลุมของเครือข่ายให้ได้