กรุงเทพฯ--17 พ.ค.--สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสกรณ์
“ปลัดฯ ชวลิต” จี้ ส.ป.ก.เร่งแก้ปัญหาการไร้ที่ทำกินของเกษตรกร เล็งซื้อที่ดินเอกชนจัดสรรให้เกษตรกรเช่าหรือ เช่าซื้อในราคาที่เป็นธรรม ภาคกลางแชมป์เช่าที่ดินทำการเกษตรมากที่สุดของประเทศ
นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ระบุในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 มีเกษตรกรยากจนจำนวน 6.6 แสนรายที่ไร้ที่ดินทำกิน สะท้อนให้เห็นถึงการขาดโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากรของประชาชนในบางกลุ่ม ซึ่งส่งผลต่อการสร้างรายได้และการสะสมสินทรัพย์ เพื่อยกระดับฐานะความเป็นอยู่ของครัวเรือน ประกอบกับข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร พบว่าในปี 2554 มีเกษตรกรที่เช่าที่ดินผู้อื่นประมาณ ร้อยละ 19.6 ของที่ดินเกษตรทั้งหมด 149.25 ล้านไร่ ซึ่งพบในภาคกลางสูงที่สุดประมาณ ร้อยละ 36 โดยมีมากกว่า 10 จังหวัด ที่มีการเช่ามากกว่าร้อยละ 40 และพบสูงที่สุดที่ จ.พระนครศรีอยุธยา มีการเช่ามากถึงร้อยละ 72 นอกจากนี้ ยังมีปัญหาที่เกษตรกรต้องจ่ายค่าเช่าสูง และการเช่าส่วนใหญ่ไม่มีการทำสัญญาเช่าที่ถูกกฎหมาย หรือสัญญาเช่าไม่สมบูรณ์นำไปสู่การเช่าที่ไม่เป็นธรรมของเกษตรกรรายย่อย
จากปัญหาดังกล่าวทำให้มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเร่งแก้ปัญหาที่ดินทำกินโดยเร่งกระจายการถือครองที่ดินให้กับเกษตรกร หรือผู้ไร้ที่ดินทำกินที่ต้องการประกอบอาชีพเกษตรกรรม อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะมีสำนักงาน การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ดำเนินการจัดสรรที่ดินให้ผู้ไร้ที่ดินทำกิน แต่ที่ผ่านมา ส.ป.ก. มีการจัดหาที่ดินเอกชนโดยการจัดซื้อหรือเวนคืนน้อยมาก เนื่องจากได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินการในพื้นที่ของรัฐ ซึ่งมีเกษตรกรครอบครองอยู่เดิมตามนโยบายของรัฐ และปัจจุบันที่ดินของรัฐที่สามารถจัดได้นั้นกำลังจะหมดไป โดยรัฐยังขาดกลไกและมาตรการที่ชัดเจนในการรับคืนที่ดินจากเกษตรกรที่ไม่ประสงค์จะใช้ประโยชน์ในที่ดิน นอกจากนี้แล้ว ยังมีปัญหาจากข้อจำกัดของข้อกฎหมายบางมาตรา รวมถึงความซับซ้อนของขั้นตอนการจัดซื้อที่ดิน ที่ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการจัดซื้อที่ดินเอกชน
นายชวลิต กล่าวว่า จากสภาพปัญหาเรื่องการถือครองที่ดินซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานในการทำการเกษตร และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรดังกล่าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้กำหนดแนวทางการกระจายการถือครองที่ดินเกษตรกรรมโดยกระบวนการปฏิรูปที่ดิน แบ่งเป็น 2 ประการ คือ 1.การเร่งรัดจัดซื้อที่ดินจากเอกชนเพื่อนำมาปฏิรูปที่ดิน โดยจัดสรรให้เกษตรกรเช่าหรือเช่าซื้อในราคาที่เป็นธรรม โดยมอบหมายให้ส.ป.ก.เร่งรัดจัดทำแผนการจัดซื้อที่ดิน จัดทำแผนการพัฒนาพื้นที่ที่จัดซื้อ รวมถึงจัดที่ดินให้ผู้ประสงค์จะเข้าทำประโยชน์ในที่ดิน ที่จัดซื้อ 2. เร่งรัดการพัฒนากลไกการหมุนเวียนที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน ซึ่งปัจจุบันพบปัญหาเกษตรกรที่ไม่ประสงค์จะใช้ประโยชน์ในที่ดิน เนื่องจากอายุมากและไม่มีผู้สืบทอดอาชีพเกษตรกรรรม แต่ไม่นำที่ดินคืนให้ ส.ป.ก. เนื่องจาก ส.ป.ก.ยังขาดความชัดเจนเรื่องการจ่ายค่าชดเชยกรณีที่เกษตรกรได้ลงทุนในพื้นที่แล้ว จึงเกิดปัญหาการละทิ้งที่ดิน ไม่ใช้ประโยชน์หรือปล่อยให้ผู้อื่นเช่า หรือเกิดการซื้อขายแบบผิดกฎหมาย ที่ดินบางส่วนจึงตกไปอยู่กับนายทุนที่ดินรายใหญ่ ทำให้ที่ดินนั้นไม่ได้นำมาจัดให้เกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกิน หรือผู้ไร้ที่ดินทำกินที่รอโอกาสการได้รับจัดสรร
“การพัฒนากลไกการหมุนเวียนที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินนั้น ส.ป.ก.ควรเร่งรัดการกำหนดเกณฑ์ราคาประเมินที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินที่เหมาะสมสำหรับการจ่ายค่าชดเชย เพื่อรับคืนที่ดินจากเกษตรกร ที่ไม่ประสงค์จะใช้ประโยชน์ในที่ดิน นอกจากนี้ควรเร่งพัฒนากองทุนเพื่อการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ให้สามารถทำหน้าที่เป็นกลไกหลักในการรับคืนที่ดิน หรือ หมุนเวียนที่ดินจากเกษตรกรรายเดิมให้เกษตรกรรายใหม่ ทั้งในกรณีการคืนที่ดินปกติ และกรณีเกษตรกรไม่สามารถชำระหนี้กับ ธ.ก.ส.หรือสถาบันการเงินอื่นๆ” นายชวลิต กล่าว