กรุงเทพฯ--20 พ.ค.--ไอเดียเวิร์คส์ คอมมิวนิเคชั่นส์
ลุงจาก ศิริอ่อน เกษตรกรจังหวัดราชบุรี โชว์แตงกวาไฮโซทำเงินได้กว่า 1 แสนบาทต่อรอบ เน้นปลูกแตงกวาไฮโซมากว่า 3 ปีแล้ว ปลื้ม..ทนไวรัส และโรคราน้ำค้างได้ดี ให้ลูกดก สีสวยโดนใจตลาด
จากปัญหาที่เกิดขึ้นกับเกษตรกรชาวสวนแตงกวาโดยเฉพาะปัญหาจากโรคไวรัส แมลง และสภาพอากาศ รวมถึงปริมาณและคุณภาพผลผลิต ที่ควรตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างดี ส่งผลให้เกษตรกร ต้องคัดเลือกสายพันธุ์แตงกวาที่จะปลูกเพื่อตอบโจทย์เหล่านี้ให้ครอบคลุมมากที่สุด เช่นเดียวกับเกษตรกรเมืองราชบุรี ลุงจาก และป้าไข่ ศิริอ่อน ครอบครัวเกษตรกรผู้ปลูกแตงกวามากว่า 10 ปี ซึ่งได้ปลูก “แตงกวาพันธุ์ไฮโซ” มากว่า 3 ปีแล้ว พบว่า มีความโดดเด่นกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ในเรื่องของความแข็งแรงต้านทานโรคไวรัส อีกทั้งทนอากาศร้อนได้ดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังให้ผลผลิตที่คุ้มค่า เหมาะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจของเกษตรกรชาวสวนแตงกวา
ลุงจาก ศิริอ่อน เกษตรกรผู้ปลูกแตงกวาพันธุ์ไฮโซของเจียไต๋ จากอำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี เล่าให้ฟังว่า ปัจจุบันมีสวนลำไยจำนวน 10 ไร่ แบ่งพื้นที่ประมาณ 1 ไร่เศษ เพื่อนำมาปรับปลูกแตงกวามากว่า 10 ปี โดยแบ่งแปลงปลูกเป็น 3 แปลง แล้วทยอยปลูกทีละแปลงเพื่อให้มีผลผลิตออกสู่ตลาดทั้งปี โดยลักษณะแตงกวาที่แม่ค้าต้องการ คือมีผลยาวตรง ทรงสวย ไม่คอดงอ เนื้อแน่นหวานกรอบ โดยเฉพาะสีของแตงกวา ควรเป็นสีเขียวสด เพราะเน้นขายส่งแม่ค้าตลาดทางภาคใต้ ซึ่งใช้เวลาขนส่งนานกว่าจะถึงตลาดปลายทาง แตงกวาก็จะยังคงความเขียวสวยเสมอ ไม่เหมือนแตงกวาที่มีสีขาวที่เก็บไว้แค่คืนเดียวผลแตงก็เป็นสีเหลืองแล้ว ทำให้ดูเหมือนแตงเก่าค้างคืน แม่ค้าที่รับซื้อไม่ต้องการ เกษตรกรจึงจำเป็นต้องเลือกสายพันธุ์ตามที่แม่ค้าหรือตลาดต้องการ ซึ่งครอบครัวตนได้เลือกปลูกแตงกวาพันธุ์ไฮโซของเจียไต๋ ปัจจุบันปลูกเป็นเวลา 3 ปี เพราะแตงกวาพันธุ์นี้มีสีเขียวสวย สามารถเก็บไว้ได้นาน 3-4วัน ทำให้เป็นที่ต้องการของแม่ค้า และยังได้ราคาดีกว่าแตงกวาพันธุ์อื่นๆ อีกด้วย
“การให้น้ำ เราจะให้น้ำเช้า-เย็นให้ชื้น แต่ไม่ให้แฉะ เพราะอาจทำให้รากเน่าได้ โดยให้น้ำผ่านระบบสปริงเกอร์ เพื่อจำลองสภาพอากาศให้เหมือนฝนตก ทำให้แมลงไม่กล้าเข้ามารบกวน นอกจากสายพันธุ์นี้จะทนทานต่อโรคไวรัสอยู่แล้ว การให้น้ำแบบนี้ยังช่วยป้องกันโรคไวรัสได้อีกทางหนึ่งเหมือนกัน แม้ว่าอาจจะทำให้เกิดปัญหาโรคราน้ำค้างบ้าง แต่โรคนี้ก็ยังมียาป้องกันได้ โดยใช้ใช้เทนเอ็ม 30กรัมผสมโนมิลดิว20กรัมต่อน้ำ20ลิตรพ่นในช่วงมีราน้ำค้างแต่หากเมื่อไหร่ที่แตงกวาเป็นโรคไวรัสแล้ว จะไม่มียารักษาให้หายได้เลย ส่วนการฉีดสารเคมีต่างๆ นั้น แตงกวาสวนเราจะไม่เน้นใช้สารเคมีฉีดมากนัก แต่จะใช้บางช่วงเวลาที่มีแมลงมารบกวนเยอะๆ เท่านั้น”
สำหรับการเริ่มปลูก ลุงจากแนะนำว่าให้เริ่มเตรียมแปลง ขนาดกว้าง 1 เมตร ระยะห่างระหว่างแปลง 50 ซม. จากนั้นจะเจาะหลุมปลูก เพื่อให้มีระยะระหว่างต้น 50 ซ.ม. และระยะระหว่างแถว 60 ซ.ม. จากนั้นปักไม้เพื่อทำค้าง ตามระยะระหว่างต้น แล้วผูกไม้ค้างเข้าหากัน ทำเป็นลักษณะของกระโจม เชื่อมแกนกลางด้วยไม้ยาว วางตลอดทั้งแนว เพราะการทำลักษณะกระโจม จะให้จำนวนต้นที่มากกว่าการปลูกแบบเลื้อยกับดิน อีกทั้งผลผลิตก็ไม่เสียหายจากการเดินเหยียบย่ำและยังได้ผลผลิตที่มีน้ำหนักดีและจำนวนที่มากกว่า จากนั้นให้เริ่มหยอดเมล็ดแตงกวา หลุมละ 2 เมล็ด โดย 1 ไร่จะใช้เมล็ดพันธุ์แตงกวาไฮโซ ขนาด 50 กรัม จำนวน 3 กระป๋องเท่านั้น
ส่วนระยะที่ต้องดูแลรักษาเป็นพิเศษ ลุงจากบอกว่า อยู่ในช่วงที่ต้นแตงยังเล็กประมาณ 2 อาทิตย์แรกหลังปลูก เพราะต้องคอยระวังแมลงมารบกวน ยิ่งหากเป็นฤดูแล้งต้องให้น้ำเพียงพอเพื่อป้องกันต้นยุบตาย ต่อมาเมื่อแตงกวาอายุได้ 7 วันควรให้ปุ๋ยเคมีสูตร 25-7-7 จำนวน 3 กิโลกรัมละลายน้ำ 200 ลิตร เดินรดบางๆ ไปตามต้นเพื่อเร่งการแตกแขนง จนเมื่อแตงกวาโตเริ่มออกผล จึงค่อยให้ปุ๋ยเคมีสูตร 16-16-16 อีกครั้ง
เมื่อแตงกวาอายุได้ประมาณ 32 วัน ก็เริ่มติดผลและเก็บผลผลิตได้ โดยสามารถเก็บได้ทุกวันต่อเนื่องกันไปจนประมาณ 20-25 วัน และถ้าดูแลรักษาดีๆ จะสามารถเก็บแตงกวาได้ 45 วันต่อรุ่นเลยทีเดียว สำหรับแตงกวาที่เก็บจะมี 3 เกรด คือ 1.แตงกวาเกรด A จะได้ราคาดีที่สุด มีขนาดยาวประมาณ 9-11 ซ.ม. ทรงกระบอกหัว-ท้ายเท่ากัน ไม่คอดงอ สีเขียวสวย 2.แตงกวาเกรด B ที่หลงหลุดรอดสายตาจนกลายเป็นแตงกวาขนาดใหญ่ แต่ราคาจะรองลงมา 3.แตงกวาเกรด C เป็นแตงกวาที่ลูกคอดงอ อาจเกิดจากการให้ปุ๋ยที่ไม่เพียงพอกับความต้องการของต้นแตง ซึ่งจะได้ราคาต่ำกว่าแตงเกรดAและเกรดB ซึ่งเมื่อส่งขายเข้าตลาดก็จะคัดแยกใส่ถุงตามเกรด โดยจะส่งแตงกวาขายที่ตลาดศรีเมืองราชบุรีเป็นหลัก มีเท่าไหร่แม่ค้าก็รับหมด สำหรับราคาแตงกวาไฮโซเกรด A ตกอยู่ที่กิโลกรัมละ 20 บาท แต่ถ้าเป็นแตงกว่าพันธุ์อื่นราคาจะอยู่ที่ 18 บาท/กก. สามารถสร้างรายได้ต่อรุ่นโดยที่ยังไม่หักต้นทุน ประมาณ 1 แสนบาท
“ต้นทุนการปลูกแตงกวาสำหรับผู้ที่ลงทุนใหม่ในครั้งแรกทั้งค่าอุปกรณ์ ค่าปุ๋ย ค่ายา เมล็ดพันธุ์ ประมาณ 3 หมื่นบาท เมื่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ครบแล้วการลงทุนในครั้งต่อๆ ไปจะเหลือแค่ประมาณ 1 หมื่นกว่าบาทต่อรอบการปลูกเท่านั้น โดยแตงกวาสามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี ใน 1 ปี จะสามารถปลูกได้ 3-4 รุ่น สร้างรายได้ต่อรุ่นยังไม่หักต้นทุน ประมาณ 1 แสนบาท เรียกได้ว่าเป็นแตงกวาเงินแสนเลยก็ว่าได้” ลุงจาก เล่าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ด้าน ณัฏฐนี เทพกาวงค์ นักปรับปรุงพันธุ์พืช บริษัท เจียไต๋ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้ลงพื้นที่สำรวจแปลงปลูกแตงกวากับเกษตรกร ซึ่งพบว่ายังมีปัญหาหลักที่ยังแก้ไม่ได้ อาทิ สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยของประเทศไทย ทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่น แมลงที่มาในช่วงหน้าร้อน โรคไวรัส และโรคราน้ำค้าง โดยโรคเหล่านี้ทำให้ใบเหลือง แห้งเหี่ยว ผลผลิตไม่ได้มาตรฐาน นอกจากนี้ ยังพบว่าเมื่อมีอากาศที่ร้อนมาก เพศของดอกจะกลายเป็นตัวผู้ ทำให้ผลผลิตได้ไม่ดีเท่าที่ควร
เจียไต๋ จึงนำปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาค้นคว้า วิจัย และพัฒนาเป็นสายพันธุ์มากว่า 2 ปี จนเป็น “แตงกวาพันธุ์ไฮโซ” ทดลองปลูกในพื้นที่จังหวัดราชบุรี ซึ่งพบว่าแตงกวาพันธุ์นี้แม้ว่าอากาศจะร้อนจัด ก็สามารถยังให้ผลผลิตที่ดีกว่าสายพันธุ์อื่นๆ และยังให้ขนาดมาตรฐาน ยาวประมาณ 11 เซนติเมตร กว้างประมาณ 2.8 เซนติเมตร ผลตรงเรียวสวย ไม่คอดงอ การไล่สีของผลเป็นสีเขียวนวลสวยงาม เนื้อแน่นหวานกรอบ ทั้งนี้ แตงกว่าพันธุ์ไฮโซบุกตลาดมา 3 ปีแล้ว ลูกค้าจะบอกกันปากต่อปากจนเป็นที่ยอมรับจากเกษตรกรมืออาชีพในเขตนี้เป็นอย่างมาก และภายหลังจากที่ได้ให้เกษตรกรทดลองปลูกในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา พบว่าเกษตรกรบางรายสามารถขายผลผลิตได้กิโลกรัมละ 20 บาท ถือเป็นราคาที่สูงมากสำหรับในช่วงหน้าแล้งของปีนี้
สำหรับท่านใดสนใจเมล็ดพันธุ์ “แตงกวาพันธุ์ไฮโซ” สามารถติดต่อหาซื้อได้ที่ตัวแทนจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ของเจียไต๋ทั่วประเทศ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-810-3031 ต่อ 1306