กรุงเทพฯ--21 พ.ค.--ส่วนสื่อสารองค์กร สสว.
สสว. ร่วมกับสำนักงานการค้าและการลงทุนสหราชอาณาจักร (UKTI) มุ่งสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพ SMEs ทั้งไทยและอังกฤษ ด้วยการเสริมสร้างองค์ความรู้ทางธุรกิจ การค้า-ลงทุน แลกเปลี่ยนเทคโนโลยีและวิถีปฏิบัติตามมาตรฐานสากล เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน พร้อมเชื่อมโยงเครือข่ายการค้าระหว่างประเทศ ด้วยเป้าหมายที่จะยกระดับให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างอังกฤษกับภูมิภาคอาเซียนและอาเซียน+6 รองรับการเข้าสู่ AEC ที่จะมาถึงในปี 2558 นี้
นายประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากความสัมพันธ์ของประเทศไทย และสหราชอาณาจักร (อังกฤษ) ที่มีมายาวนานกว่า 400 ปี และได้มีความร่วมมือกันในหลากหลายมิติ โดยเฉพาะในด้านการค้าการลงทุน ซึ่งอังกฤษนับเป็นตลาดการค้าที่สำคัญของไทยในสหภาพยุโรป เห็นได้จากตัวเลขการค้าในช่วงไตรมาส 1/2556 (มกราคม-มีนาคม) SMEs ไทยมีการค้าขายกับอังกฤษ คิดเป็นมูลค่ารวม 15,273 ล้านบาท จำนวนนี้เป็นการส่งออกสินค้าคิดเป็นมูลค่า 7,747.5 ล้านบาท โดยมีสินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องเพชรพลอยและรูปพรรณ เนื้อสัตว์ เฟอร์นิเจอร์ประเภทที่นั่ง รถจักรยานสองล้อและรถจักรยานอื่นๆ เป็นต้น และนำเข้าสินค้าคิดเป็นมูลค่า 7,525.5 ล้านบาท สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เอทิลแอลกอฮอล์ที่ไม่ได้แปลงสภาพ ยารักษาหรือป้องกันโรค แทรกเตอร์ รถยนต์และยานยนต์ เป็นต้น
ทั้งนี้ จากการที่ทั้ง 2 ประเทศต่างก็ให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs จึงได้นำมาสู่ความร่วมมือกันในด้านวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ระหว่าง สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) หน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานการค้าและการลงทุนสหราชอาณาจักร (UK Trade and Investment : UKTI) ครั้งนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกรอบความตกลงจากการเจรจาทางยุทธศาสตร์ สหราชอาณาจักรและราชอาณาจักรไทย หรือ UK-Thailand Strategic Dialogue
“กระทรวงอุตสาหกรรม และ สสว. ให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs เพื่อสร้างโอกาสในการขยายการค้าการลงทุนเข้าไปสู่ตลาดต่างประเทศ กลยุทธ์สำคัญประการหนึ่งก็คือการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรต่างชาติ โดยเฉพาะ UKTI ซึ่งเป็นองค์กรที่มีบทบาทหน้าที่ในการส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ของอังกฤษ เพื่อร่วมกันสนับสนุนและพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการ SMEs ด้วยการพัฒนาศักยภาพ เชื่อมโยงเครือข่ายและสร้างโอกาสทางการค้าให้กับ SMEs ของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวจะมีขึ้นนับตั้งแต่บัดนี้ เป็นระยะเวลา 3 ปี” นายประเสริฐ กล่าว
สำหรับความร่วมมือกันระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรม โดย สสว. และ UKTI ของอังกฤษ นี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพาณิชย์ ระหว่าง SMEs ไทย กับ SMEs อังกฤษ สนับสนุนการจัดตั้งเครือข่าย SMEs เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของ SMEs ในการดำเนินธุรกิจทุกๆ มิติ ตั้งแต่เรื่องวัตถุดิบและการผลิต การถ่ายทอดเทคโนโลยี การสร้างอำนาจทางการตลาด รวมถึงความรู้ในการบริหารจัดการนอกจากนี้จะสนับสนุนให้ SMEs ไทยและ SMEs อังกฤษ ได้เพิ่มอำนาจการแข่งขันทั้งในตลาดภูมิภาคอาเซียน สหภาพยุโรป และในตลาดโลก
โดยกรอบความร่วมมือในครั้งนี้จะประกอบด้วย การแลกเปลี่ยนข้อมูล องค์ความรู้ และประสบการณ์รวมถึงแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีร่วมสมัยและวิถีปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานสากล ทั้งโดยการฝึกอบรมผู้ฝึกสอนในเรื่องการเป็นผู้ประกอบการ การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการว่าด้วยการเป็นผู้ประกอบการ การแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับอุตสาหกรรมขนาดย่อมรวมถึงการรวมกลุ่มอุตสาหกรรม และการขยายโอกาสทางธุรกิจไปสู่ภูมิภาคของแต่ละประเทศด้วยการจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ
นอกจากนี้ จากการที่ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ความเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบในปลายปี 2015 จะส่งผลให้เศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียนหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งคาดการณ์ว่าการค้าระหว่างอังกฤษกับประเทศในภูมิภาคอาเซียนและ ASEAN+6 จะเปิดกว้างมากขึ้น จึงเป็นโอกาสที่ประเทศไทยในฐานะพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ จะมีบทบาทสำคัญในการเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงสินค้าและบริการระหว่างอังกฤษกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน ได้เป็นอย่างดี
“การลงนามความร่วมมือในวันนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างพันธมิตรทางการค้าระหว่างสองประเทศ และกิจกรรมต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นส่วนสำคัญที่จะสร้างประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการ SMEs ของทั้ง 2 ประเทศ ทั้งในด้านการพัฒนาศักภาพตัวเองให้มีขีดความสามารถเพิ่มขึ้น และสามารถสร้างโอกาสทางการค้าในบทบาทของการเป็นศูนย์กลางการค้าทั้งในภูมิภาคอาเซียน สหภาพยุโรป และตลาดโลก และเชื่อว่า SMEs จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศที่มีบทบาทสำคัญมากยิ่งขึ้นต่อไป” นายประเสริฐ กล่าว