กรุงเทพฯ--22 พ.ค.--IR network
บมจ. แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์คหรือ CENมั่นใจศักยภาพบริษัทในเครือหนุนรายได้ทั้งปีโตต่อเนื่องกว่า 30%ส่วนกำไรสุทธิโตแตะ 600%หลังไตรมาสแรกของปี 2556โชว์กำไรพุ่งแรง 855.61%“วุฒิชัย ลีนะบรรจง”สุดปลื้ม ธุรกิจบริษัทในเครือหนุนผลงานจึงเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ เดินหน้าเฟ้นหาธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มต่อยอดธุรกิจ หวังสร้างผลประกอบการเติบโตย่างแข็งแกร่ง เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต
นายวุฒิชัย ลีนะบรรจง ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) (CEN) เปิดเผยถึงทิศทางผลการดำเนินงานไตรมาส2/2556 คาดว่าน่าจะมีการเติบโตและขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจากงวดเดียวกันของปีก่อนส่วนทั้งปีคาดว่ารายได้น่าจะเติบโตมากกว่า 30% ส่วนกำไรสุทธิคาดว่าจะเติบโตกว่า 600% เห็นได้จากผลประกอบการไตรมาส 1/2556ที่บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวของปีก่อน 39% ส่วนกำไรสุทธิเท่ากับ 101.10 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 114.48 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 855.61% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 13.38 ล้านบาท
สาเหตุที่ทำให้คาดว่าผลการดำเนินงานของ CEN ในปีนี้จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการขายสินค้าและรายได้จากงานโครงการมากขึ้น เป็นผลมาจากความต้องการสินค้าด้านวัสดุก่อสร้าง, อสังหาริมทรัพย์ และโครงการภาครัฐ โดยมีงานในมือ (Backlog)จากงานโครงการที่สามารถส่งมอบได้จนถึงสิ้นปีนี้คิดเป็นมูลค่ากว่า 600 ล้านบาทและเตรียมเข้าประมูลอีกกว่า 3,000 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทยังมีเงินสดเป็นจำนวนมาก ซึ่งเกิดจากผลตอบแทนจากบริษัทย่อย และการเพิ่มทุนจาก CEN-W2 และยังเดินหน้าเข้าลงทุนในบริษัทอื่นๆ เพิ่มเพื่อผลักดันให้ผลประกอบการเติบโตอย่างยั่งยืนและแข็งแกร่งในอนาคต
“CEN เป็น Holding ที่มีธุรกิจในหลายๆ ด้านเพื่อการเติบโตไปในอนาคตซึ่งก้าวต่อไปของ CEN นอกจากจะเป็น Holding ที่มีบริษัทย่อยอยู่แล้ว ยังคงมีแผนที่จะลงทุนในบริษัทอื่นๆ หรือธุรกิจอื่นๆ เพิ่มอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้บริษัทมีรายได้และกำไรเพิ่มมากขึ้น อันจะสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อผู้ถือหุ้นต่อโดยการลงทุนต่างๆ เกิดจากการลงทุนโดยใช้เงินสดที่มีอยู่บวกกับสถาบันการเงินสนับสนุนหรือมีการออก Warrant หลังจากที่ CEN-W2 ได้หมดอายุไปเมื่อเดือนมกราคม 2556 ซึ่งบริษัทจะมีการบริหารจัดการและประเมินสถานการณ์อีกครั้งหนึ่ง ว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร”นายวุฒิชัยกล่าว
สำหรับแผนการนำ บริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ RWI เข้าจดในตลาดหลักทรัพย์ ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและพิจารณา เพื่อขยายฐานการผลิตในอุตสาหกรรมด้านวัสดุก่อสร้าง หลังจากที่นำบริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน) หรือ UWC เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ(mai) มาแล้ว ส่งผลให้ CEN มีผลตอบแทนที่มากขึ้นโดยบริษัทยังคงนโยบายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่
อย่างไรก็ตามในส่วนของบริษัทย่อยแต่ละบริษัทคาดว่าปี2556 จะมีผลการดำเนินงานที่เติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากปี2555ซึ่งในส่วนของUWC ปีนี้ทยอยรับรู้รายได้จากBacklog ที่ยังมีอยู่ และคาดว่าจะได้งานประมูลทั้งในประเทศและต่างประเทศในส่วนของเสาสายส่งไฟฟ้าแรงสูงและเสาเทเลคอมระบบ 3 จี ส่วน RWI ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายลวดเหล็กแรงดึงสูง ขณะนี้ได้รับประโยชน์จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของภาคก่อสร้าง, อสังหาริมทรัพย์และโครงการภาครัฐ ที่ทำให้มีการใช้ลวดเหล็กมากขึ้น ด้านธุรกิจพลังงานซึ่ง CEN มีบริษัทย่อย คือ บริษัท เอ็นเนซอล จำกัด ผลิตและขายกระแสไฟฟ้าพร้อมพลังงานความร้อน โดยปัจจุบันมี 2 โรงไฟฟ้า ขนาดกำลังการผลิต 11MW คาดว่าจะทำกำไรได้มากขึ้นจากการปล่อยค่าแก๊สลอยตัว
ด้านธุรกิจรับงานโครงการโดยมีบริษัทย่อย คือ บริษัท ไปป์ ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด รับงานเจาะอุโมงค์พร้อมลอดท่อ ซึ่งปัจจุบันทำงานโครงการให้กับการไฟฟ้านครหลวงและการประปานครหลวงโดยคาดว่าปีนี้จะได้งานเพิ่มเข้ามาอีก และบริษัทย่อยน้องใหม่อีก 2 บริษัท คือ บริษัท เอชทีพี แอนด์ เซ็น คอร์เปอเรชั่น ประกอบธุรกิจลานจอดรถไฮเทค และบริษัท ฐานเศรษฐกิจ จำกัด คงต้องรอผลประกอบการที่จะเติบโตต่อไป