กรุงเทพฯ--23 พ.ค.--IR network
“น้ำตาลครบุรี” หรือ KBS มั่นใจแนวโน้มปีนี้ธุรกิจสดใส ลั่นเดินหน้าพร้อมโกตลาดอินเตอร์ หลังได้ “กลุ่มมิตซุย” ช่วยเสริมทัพ สร้างความแข็งแกร่ง ประสานความร่วมมือด้านตลาด ระบุปีนี้สามารถหีบอ้อยได้แล้ว 2.54 ล้านตัน พร้อมให้การสนับสนุนเกษตรปลูกอ้อยอย่างเต็มที่ หวังป้อนเข้าตลาด ขณะที่ธุรกิจโรงฟ้าชีวมวล เดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้ โดยเครื่องจักรทยอยเดินทางเข้ามาถึงแล้วและอยู่ระหว่างการติดตั้ง คาดจะเดินเครื่องและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ประมาณไตรมาส 1/2557
นายอิสสระ ถวิลเติมทรัพย์ กรรมการบริหาร บริษัทน้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ KBS เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทร่วมมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับกลุ่มมิตซุย ประเทศญี่ปุ่น นั้น บริษัทฯได้รับประโยชน์ หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการตลาดที่จะสามารถเปิดตลาดเพิ่มขึ้นไปยังประเทศต่างๆ และเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน หรือ AEC สำหรับด้านการผลิต กลุ่มมิตซุยจะแนะนำและความร่วมมือในเชิงเทคนิค ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีเทคโนโลยี และเครื่องจักรชั้นแนวหน้าของโลก ทำให้ยิ่งมั่นใจว่าบริษัทฯ จะเติบโตร่วมกันอย่างสดใส และขยายตัวแข็งแกร่งแน่นอน
นอกจากนั้น ยังกล่าวต่อว่า สำหรับฤดูการหีบอ้อยสำหรับปีนี้ได้เสร็จสิ้นหรือปิดหีบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับปริมาณอ้อยเข้าหีบทั้งสิ้น 2.54 ล้านตัน ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่ทางบริษัทฯ ได้ตั้งเอาไว้ ทั้งนี้ ในช่วงปีที่ผ่านมาประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาสภาวะอากาศที่ไม่ดีนัก ทำให้ผลผลิตที่ออกมาไม่ดีเท่าที่ควร แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯ กลับได้แรงอานิสงส์จากเกษตรกรที่โรงงานฯ สนับสนุนให้ปลูกอ้อยเพื่อนำส่งอ้อยป้อนให้โรงงานฯ อย่างสม่ำเสมอ จึงทำให้เราสามารถรักษาระดับผลผลิตได้ตามเป้าหมาย โดยในทุก ๆ ปี ทางบริษัทฯยังคงให้การสนับสนุนเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง โดยคาดหมายในเบื้องต้นว่าผลผลิตสำหรับฤดูเปิดหีบ 2556/57 จะสามารถทำเป้าหมายได้เท่าปีนี้ที่ 2.5 ล้านตัน แต่ทั้งนี้ภาวะอากาศก็จะเป็นปัจจัยหลักในการเพิ่ม หรือลดของปริมาณอ้อยด้วยเช่นกัน สำหรับราคาน้ำตาลนั้น นายอิสสระให้ความเห็นว่า ราคาในระดับนี้น่าจะเป็นราคาที่ใกล้จะต่ำสุดแล้ว แนวโน้มระยะยาวเชื่อว่าราคาจะปรับตัวเข้าหาต้นทุนการผลิตของผู้ผลิตรายใหญ่ อย่างบราซิลที่ 19-21 เซ็นต์ต่อปอนด์
นายอิสสระ กล่าวต่อว่า KBS มีความมุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจเพื่อประโยชน์สูงสุดสำหรับนักลงทุนและผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ซึ่งประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกน้ำตาลอันดับสองของโลก มีความได้เปรียบประเทศผู้ผลิตรายใหญ่อย่างบราซิลและออสเตรเลียในแง่ค่าขนส่ง เพราะประเทศไทยอยู่ในเอเชีย ซึ่งมีอัตราการเติบโตของการบริโภคน้ำตาลสูง ดังนั้นหลังจากเพิ่มทุนให้กับกลุ่มมิตซุยเข้ามาเป็นพันธมิตรแล้ว KBS จะเร่งดำเนินการประสานงานสำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ทันที เพื่อพัฒนาธุรกิจร่วมกันเพิ่มเสริมสร้างมูลค่าให้แก่บริษัทต่อไป
ในส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวลของ "บริษัท ผลิตไฟฟ้าครบุรี จำกัด" ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ KBS ที่ผลิตไฟฟ้าจากกากอ้อย กำลังการผลิต 35 เมกกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 1,638 ล้านบาท เพื่อขายไฟให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นั้น ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ พร้อมเดินหน้าอย่างเต็มกำลังโดยปัจจุบันเครื่องจักรต่างๆ ทยอยเข้าติดตั้งแล้ว คาดว่าจะเดินเครื่องและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ตามแผนงานที่วางไว้ โดยหลังจากสามารถเดินเครื่องได้ตามกำหนดจะเป็นส่วนช่วยผลักดันรายได้และอัตรากำไรสุทธิของบริษัทฯเพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2556 บริษัทมีรายได้รวม 1,581 ล้านบาท กำไรสุทธิ 309 ล้านบาท และกำไรต่อหุ้น 0.59 บาท