กรุงเทพฯ--23 พ.ค.--ทริสเรทติ้ง
ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาทของ บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “BBB+” เช่นเดียวกัน ส่วนแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” โดยบริษัทวางแผนจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ในการขยายกิจการ อันดับเครดิตของบริษัทสะท้อนถึงความเป็นผู้นำในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในประเทศไทย ตลอดจนผลงานที่เป็นที่ยอมรับในโครงการก่อสร้างพื้นฐานและโครงการที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง รวมทั้งความยืดหยุ่นทางการเงินจากมูลค่าเงินลงทุนเชิงกลยุทธ์ อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวลดทอนลงบางส่วนจากความผันผวนในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ตลอดจนความเสี่ยงของสัญญาที่มีลักษณะต่อหน่วยแบบคงที่ (Fixed-price Contract) และภาระหนี้ที่สูงของบริษัท ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตราส่วนกำไรในระยะปานกลางให้อยู่ในระดับใกล้เคียงปัจจุบันไว้ได้ นอกจากนี้ อัตราส่วนภาระหนี้ของบริษัทคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในช่วง 12 เดือนข้างหน้าจากเงินสดที่คาดว่าจะได้รับจากลูกหนี้โครงการไซยะบุรี
บริษัท ช. การช่างก่อตั้งในปี 2515 โดยตระกูลตรีวิศวเวทย์ บริษัทเป็นหนึ่งในผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ 3 รายในตลาดหลักทรัพย์ของไทย และมีประสบการณ์ด้านการก่อสร้างตั้งแต่งานโยธาโครงสร้างพื้นฐานไปจนถึงโครงการที่มีความซับซ้อนสูง บริษัทมีเงินลงทุนในบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จำนวน 3 ราย ได้แก่ บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BECL) บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BMCL) และ บริษัท น้ำประปาไทย จำกัด (มหาชน) (TTW) นอกจากนี้ บริษัทยังลงทุนในบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อีก 2 ราย ได้แก่ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (CKP) และ บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด (XPCL)
ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 บริษัทมีงานรับเหมาก่อสร้างที่ยังไม่ส่งมอบมูลค่า 1.128 แสนล้านบาท โดยมีโครงการหลักได้แก่ โครงการเขื่อนไซยะบุรีซึ่งมีมูลค่า 6 หมื่นล้านบาท โครงการทางพิเศษศรีรัช วงแหวนรอบนอกมูลค่า 2.2 หมื่นล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ โครงการเขื่อนไซยะบุรีมีมูลค่าคิดเป็นสัดส่วน 53% ของมูลค่าโครงการที่ยังไม่ส่งมอบทั้งหมดสถานะทางการเงินของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2555 และยังคงอยู่ในระดับตามประมาณการของ
ทริสเรทติ้ง บริษัทมีรายได้ในไตรมาสแรกของปี 2556 อยู่ที่ 8.1 พันล้านบาท และมีอัตราส่วนกำไร (อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) อยู่ที่ 7.6% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2556 บริษัทได้ขายหุ้น TTW มูลค่า 3.3 พันล้านบาทให้แก่ BECL โดยบริษัทได้รับเงินจำนวน 2.2 พันล้านบาทในไตรมาสแรกของปี 2556 และคาดว่าจะได้รับเงินส่วนที่เหลือเป็นรายงวดอีก 1.1 พันล้านบาทภายในเดือนเมษายน 2558 นอกจากนี้ บริษัทได้บันทึกกำไรพิเศษจากรายการขายหุ้นดังกล่าวจำนวน 6 พันล้านบาท และเปลี่ยนวิธีการบันทึกบัญชีมูลค่าเงินลงทุนใน TTW เป็นวิธีสะท้อนมูลค่าตลาดแทนวิธีส่วนได้เสียเดิม
ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทน่าจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 2.5 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยจะเป็นรายได้จากโครงการเขื่อนไซยะบุรีประมาณ 7-8 พันล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ งานรับเหมาก่อสร้างในมือจำนวนมากที่บริษัทมีอยู่ในปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 80% ของประมาณการรายได้พื้นฐาน นอกจากนี้ แนวโน้มที่ดีของงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจากทางภาครัฐน่าจะเป็นปัจจัยช่วยเสริมอัตราการเติบโตของรายได้ให้แก่บริษัทในระยะปานกลางเช่นกัน ทริสเรทติ้งยังคาดว่าอัตราส่วนกำไรโดยเฉลี่ยของบริษัทจะอยู่ที่ระดับสูงกว่า 5% ในระยะปานกลางด้วย
ในช่วงไตรมาสข้างหน้า ทริสเรทติ้งคาดว่ามูลค่าลูกหนี้ที่ยังไม่ได้เรียกชำระของบริษัทจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากการที่ XPCL จะเร่งเรียกชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนและเบิกเงินกู้เพื่อชำระคืนต้นทุนก่อสร้างโครงการไซยะบุรีที่บริษัทลงทุนไปล่วงหน้า ต้นทุนก่อสร้างล่วงหน้าดังกล่าวทำให้ลูกหนี้ที่ยังไม่ได้เรียกชำระของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นจาก 3.8 พันล้านบาทในปี 2552 เป็น 1.31 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 64.7% จากระดับ 76.3% ณ สิ้นปี 2555 ในขณะเดียวกัน อัตราส่วนเงินกู้รวมหักด้วยเงินสดต่อส่วนของผู้ถือหุ้นปรับลดลงมาอยู่ที่ 1.5 เท่าจาก 2.6 เท่า ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 60% ต่อไปในระยะปานกลาง ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งมองว่าภาระหนี้ของบริษัทอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับอันดับเครดิตในปัจจุบันแม้ว่าบริษัทจะมีภาระหนี้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของผู้รับเหมาที่ได้รับอันดับเครดิตเท่ากัน เนื่องจากโครงสร้างทางธุรกิจของบริษัทที่เป็นทั้งผู้รับเหมาและประกอบธุรกิจลงทุน
บริษัทมีสภาพคล่องในระดับที่ยอมรับได้ ในช่วงปี 2556-2558 เงินทุนจากกการดำเนินงาน (ไม่รวมกำไรจากการขายเงินลงทุน) ของบริษัทคาดว่าจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 1.2 พันล้านบาทต่อปี บริษัทมีแผนเพิ่มทุนใน XPCL ประมาณ 800-1,000 ล้านบาท ต่อปีและมีค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนประมาณ 800 ล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 เงินลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนของบริษัทมีมูลค่ายุติธรรมที่ 1.68 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 56% ของภาระหนี้รวมของบริษัทที่ 3 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทมีเงินสดในมือและเงินลงทุนในหลักทรัพย์ระยะสั้นอยู่ที่ 5.7 พันล้านบาท และมีหนี้ระยะยาวที่จะถึงกำหนดชำระใน 12 เดือนข้างหน้าจำนวน 10.5 พันล้านบาท โดยหนี้ดังกล่าวคาดว่าจะถูกชำระคืนด้วยกระแสเงินสดจากโครงการก่อสร้างหรือจากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่
บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) (CK)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
CK13OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 BBB+
CK142A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 883.8 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 BBB+
CK143A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,100 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 BBB+
CK154A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 BBB+
CK167A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 BBB+
CK174A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 BBB+
CK187A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 BBB+
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2562 BBB+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable