กรุงเทพฯ--23 พ.ค.--ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
- ตอกย้ำกลยุทธ์การสร้างเครือข่ายที่แท้จริง ช่วยให้ผู้ประกอบการโตขึ้นจริง
- อิชิตัน สนับสนุนแนวคิด พลังเครือข่ายช่วยให้ธุรกิจแข็งแรง
เมื่อเร็วๆ นี้ กรุงศรี SME ได้นำผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอีจำนวน 100 คน จาก 100 บริษัท ไปเยี่ยมชมกระบวนการผลิตของโรงงาน “อิชิตัน” เพื่อหวังสร้างเครือข่ายและต่อยอดธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการด้วยกันให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง พร้อมตอกย้ำกิจกรรมการสร้างเครือข่าย และบริการที่ครบวงจร เป็นโมเดลการเงินที่จะทำให้กรุงศรีเป็นหนึ่งในสามของธุรกิจสินเชื่อเอสเอ็มอี ด้านอิชิตันย้ำพลังพันธมิตรช่วยทำให้ธุรกิจแข็งแรงขึ้นจริง
นายสยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “สี่กลยุทธ์หลักที่จะผลักดันให้กรุงศรี SME ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในสามของธุรกิจสินเชื่อเอสเอ็มอีและช่วยให้ “ธุรกิจของลูกค้าโตง่ายๆ กับกรุงศรี SME” นั้น ประกอบด้วย หนึ่ง การสร้างเครือข่ายเพื่อต่อยอดธุรกิจ ถือเป็นหัวใจสำคัญ และเป็นความต้องการของผู้ประกอบการ สอง ผลิตภัณฑ์ด้านสินเชื่อที่มีหลากหลาย แข่งขันได้ และครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้าในทุกขนาดธุรกิจ สาม ระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย ช่วยลดขั้นตอนการทำงาน ทำให้ระยะเวลาในการอนุมัติเร็วขึ้น สี่ ช่องทางจากธุรกิจในเครือกรุงศรี ที่จะมาสนับสนุนกิจการของลูกค้ากรุงศรีอีกทางหนึ่งด้วย”
“กรุงศรี SME ได้ทำการศึกษาความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าแต่ละขนาดธุรกิจ และพบว่านอกจากสินเชื่อเพื่อธุรกิจแล้ว สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการมากที่สุด คือ โอกาสในการขยายธุรกิจ และเพื่อเป็นการตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าว ปีนี้เราจึงได้จัดกิจกรรมที่หลากหลาย ภายใต้ชื่อ ‘ลับคมธุรกิจ ต่อยอด SME’ และการเยี่ยมชมโรงงานอิชิตัน นอกจากจะเป็นการแลกเปลี่ยนทักษะในด้านการผลิต การสร้างจุดต่างให้แก่แบรนด์แล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในธุรกิจแวดวงที่เกี่ยวข้องกัน ได้รู้จักกัน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างกัน เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจให้กับลูกค้ากรุงศรีให้กว้างขึ้น” นายสยาม กล่าว
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “ปี 2558 เมื่อประเทศไทยต้องเข้าร่วมเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ไทยเปิดประเทศเพื่อนำสินค้าออกไปขายประเทศเพื่อนบ้าน ขณะเดียวกันก็จะเป็นการเปิดประเทศเพื่อให้เพื่อนบ้านนำสินค้าเข้ามาแข่งขันกับเราด้วยเช่นกัน ดังนั้นในอนาคตหากใครมีทุนมากกว่า มีศักยภาพการผลิตมากกว่า หรือมีสินค้าที่โดดเด่นกว่าคือผู้ได้เปรียบ แต่ก่อนที่ถึงวันนั้นเราต้องรู้ว่าศักยภาพของธุรกิจเราแข่งขันทั้งภายในและภายนอกประเทศได้หรือไม่ เราจึงต้องเตรียมความพร้อมเพื่อให้ธุรกิจแข็งแรง รองรับกับการแข่งขันเสรี ดังนั้นผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องมีเพื่อนที่ดี มองหาโอกาสที่ดี และต้องมีที่ปรึกษาทางการเงินที่ดี กิจกรรมของกรุงศรีในวันนี้ จึงเป็นการก้าวไปข้างหน้าอีกขึ้นเพื่อเตรียมรับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นอย่างเสรีในไม่ช้า”
สำหรับกิจกรรม ‘ลับคมธุรกิจ ต่อยอด SME’ ในปี 2556 ประกอบด้วย ‘Open House Networking’ คือการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ ได้เรียนรู้ และต่อยอดธุรกิจ จากการเยี่ยมธุรกิจระดับประเทศขนาดใหญ่ เช่น อิชิตัน และเทสโก้ โลตัส เป็นต้น กิจกรรม Business Matching คือการจับคู่ธุรกิจ เพื่อเพิ่มโอกาสการขาย รวมถึงกิจกรรม Business Talk & Luncheon Networking เป็นการเสริมความรู้เชิงลึกจากกูรูผู้เชี่ยวชาญ ที่มีประสบการณ์ชั้นนำของประเทศ ตลอดจนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้ประกอบการด้วยกัน เป็นการสร้างความแตกต่างโดยมุ่งเน้นกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการสร้างเครือข่ายที่แท้จริง “Real Network” กับกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกัน และสามารถต่อยอดธุรกิจต่อไปได้จริง
“กรุงศรี SME เชื่อว่าด้วยกลยุทธ์การสร้างเครือข่าย เพื่อต่อยอดให้กับธุรกิจของลูกค้าในรูปแบบต่างๆ พร้อมโมเดลทางการเงิน และบริการที่ครบวงจร ซึ่งการให้บริการแบบครบวงจรและการเสริมสร้างความแข็งแกร่งจากภายในดังกล่าวจะทำให้ลูกค้าสามารถมุ่งมั่นในธุรกิจและเติบโตอย่างยั่งยืนโดยไม่ต้องกังวลกับเรื่องอื่นและพร้อมที่จะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆภายนอกไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าแรง AEC หรือวิกฤตอื่นๆ ท้ายที่สุดกลยุทธ์เหล่านั้นจะเป็นแรงผลักดันให้เราก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในสามของธุรกิจสินเชื่อเอสเอ็มอีได้ภายใน 3 ปี” นายสยามกล่าว