กรุงเทพฯ--27 พ.ค.--เอสซีจี เคมิคอลส์
เอสซีจีจัดงาน “เอสซีจี รักษ์น้ำ 50,000 ฝาย สู่ชุมชนยั่งยืน” มอบพิกัดฝายชะลอน้ำถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมเดินหน้าปลุกพลังมวลชนขยายเครือข่ายการเรียนรู้และปลูกจิตสำนึกอนุรักษ์น้ำทั่วประเทศ เพื่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดี คืนความสุขสู่ชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืน
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า เอสซีจี เริ่มสร้างฝายชะลอน้ำมาตั้งแต่ พ.ศ. 2546 โดยตระหนักถึงความสำคัญของ “น้ำ” ซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุด ทั้งยังเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการดำเนินชีวิตของมนุษย์ ดังแนวพระราชดำริ “น้ำคือชีวิต” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เอสซีจีจึงได้จัดทำโครงการ “เอสซีจีรักษ์น้ำ เพื่ออนาคต” ร่วมบริหารจัดการและอนุรักษ์น้ำอย่างจริงจัง เพื่อพลิกฟื้นความสมดุลของระบบนิเวศ คืนคุณภาพชีวิตที่ดีสู่สังคมอย่างยั่งยืน และได้นำกิจกรรมสร้างฝายชะลอน้ำมาขยายผลร่วมกับชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม
“เอสซีจีตั้งเป้าหมายที่จะสร้างฝายชะลอน้ำให้ครบ 50,000 ฝาย ภายในปี 2556 เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมเฉลิมฉลองครบรอบเอสซีจี 100 ปี จนถึงวันนี้ เอสซีจีได้ร่วมกับชุมชนและเครือข่ายกัลยาณมิตร ร่วมกันซ่อมและสร้างฝายชะลอน้ำรวมแล้วกว่า 54,000 ฝายทั่วประเทศ มีชุมชนเข้าร่วมเครือข่ายสร้างฝายชะลอน้ำทั้งหมด65 ชุมชน และมีผู้มีส่วนร่วมสร้างฝายชะลอน้ำทั้งหมดกว่า 45,000 คน และในโอกาสนี้ได้มอบตำแหน่งพิกัดฝายทั้ง 50,000 ฝาย ผ่านท่านประธานมูลนิธิอุทกพัฒน์ และเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”
นอกจากนี้ ชุมชนที่เข้าร่วมโครงการฯ ยังได้พัฒนาองค์ความรู้และขยายผลดำเนินการเป็นศูนย์ข้อมูลการเรียนรู้เรื่อง “ฝายชะลอน้ำ” ที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวการสร้างฝายจากประสบการณ์จริง และเป็นต้นแบบให้กับหน่วยงานหรือชุมชนที่สนใจได้นำไปประยุกต์ใช้ในชุมชนของตนเอง รวมทั้งจัดกิจกรรมสร้างจิตสำนึกให้เยาวชนได้ตระหนักถึงความสำคัญและประโยชน์ของฝายชะลอน้ำ เพื่อเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนและสืบทอดแนวคิดการอนุรักษ์น้ำอย่างยั่งยืนต่อไป
หนึ่งในชุมชนที่ได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้จนสามารถพลิกฟื้นผืนดินที่เคยแห้งแล้งให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ได้อีกครั้งก็คือ ชุมชนเขายายดา จังหวัดระยอง การสร้างฝายชะลอน้ำได้ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสภาพแวดล้อมบริเวณเขายายดาให้คืนความชุ่มชื้นอย่างแท้จริง ส่งผลให้ความแห้งแล้งและวิกฤตไฟป่าของเขายายดาหมดไป ชาวบ้านไม่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ มีน้ำใช้ดูแลสวนผลไม้อย่างทั่วถึง และเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้สภาพเศรษฐกิจของชุมชนดีขึ้น กิจกรรมสร้างฝายชะลอน้ำ ยังนับเป็นจุดเริ่มต้นและเครื่องมือสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้ชุมชนตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลทรัพยากรธรรมชาติ มีจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อม ดูแลรักษาป่าและแหล่งน้ำ มีความรักและหวงแหนป่าของบ้านเกิด ที่สำคัญ ความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศยังช่วยให้เกิดการสร้างงานและกลุ่มอาชีพ สร้างรายได้ให้กับชุมชน เช่น กลุ่มสมุนไพรพื้นบ้าน กลุ่มผลไม้แปรรูป กลุ่มเพาะเห็ด กลุ่มผลิตแก๊สชีวภาพ กลุ่มขนมจีนข้าวกล้อง กลุ่มโฮมสเตย์ เป็นต้น
นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวว่า ภาครัฐสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกัน โดยยึดหลักชุมชนเป็นผู้ปฏิบัติ รัฐเป็นผู้สนับสนุน ซึ่งเอสซีจีนับเป็นแบบอย่างของหน่วยงานเอกชนที่ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ โดยส่งเสริมให้พนักงานร่วมมือกับชุมชนช่วยกันสร้างฝายใหม่ และซ่อมแซมฝายเดิมที่มีอยู่ จนสามารถช่วยฟื้นฟูสภาพของเขายายดาให้กลับมามีน้ำกิน น้ำใช้ ได้อย่างสมบูรณ์
แม้จะบรรลุเป้าหมายในการสร้างฝายชะลอน้ำครบ 50,000 ฝาย เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบเอสซีจี 100 ปีในปีนี้แล้ว แต่เอสซีจียังคงมุ่งมั่นดำเนินกิจกรรมเพื่ออนุรักษ์น้ำตามแนวพระราชดำริ ในโครงการ “เอสซีจี รักษ์น้ำเพื่ออนาคต” อย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากการสร้างฝายชะลอน้ำที่เป็นการอนุรักษ์น้ำตามแนวพระราชดำริ อีกวิธีหนึ่งที่เน้นแนวคิด “หาน้ำให้ได้ เก็บน้ำไว้ใช้ และใช้น้ำให้เป็น” ด้วยการบริหารจัดการน้ำที่จะก่อให้เกิดกิจกรรมต่าง ๆ ที่ทำให้ชุมชนอยู่ได้อย่างยั่งยืน เกิดการสร้างงานและกลุ่มอาชีพ นำรายได้ให้กับชุมชน ส่งผลให้ชุมชนมีวิถีชีวิตที่ดีขึ้น สามารถใช้ชีวิตตามวิถีแห่งความพอเพียงและอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติได้อย่างสมดุล พร้อมเป็นต้นแบบชุมชนเข้มแข็งแล้ว เอสซีจียังมุ่งเน้นส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้และภูมิปัญญาเหล่านี้จากชุมชนต้นแบบไปสู่ชุมชนอื่นๆ ที่สนใจ เพื่อขยายเครือข่ายการเรียนรู้และอนุรักษ์น้ำให้กระจายออกไปทั่วประเทศ เพื่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดี คืนความสุขสู่ชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืน