กรุงเทพฯ--28 พ.ค.--พม.
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๗ พ.ค. ๕๖ ณ ห้องประชุม ๖๐ ปี กรมประชาสงเคราะห์ บ้านราชวิถี กรุงเทพฯ ว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้กำหนดแนวทางการขับเคลื่อนให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๖ ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับตั้งแต่งวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๖ โดยพระราชบัญญัตินี้ ได้กำหนดให้สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติมีฐานะเป็นกรม และกำหนดอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบ ให้คำแนะนำ และช่วยเหลือคนพิการให้ได้รับสิทธิประโยชน์และอำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้น รวมทั้งกำหนดให้องค์กรด้านคนพิการหรือองค์กรอื่นใดที่ให้บริการแก่คนพิการมีบทบาทในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้การขับเคลื่อนการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวเป็นไปอย่างทั่วถึง จึงมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการในเรื่องต่างๆ คือ ๑) มาตรา ๒๐/๒ (๕) กำหนดให้บริการจัดหางานและส่งเสริมการมีงานทำให้แก่คนพิการ มีกระทรวงแรงงานรับผิดชอบ, ๒) มาตรา ๒๐/๒ (๖) กำหนดให้บริการหรือจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการกีฬาหรือนันทนาการสำหรับคนพิการ มีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับผิดชอบ, ๓) มาตรา ๒๐/๒ (๗) กำหนดให้ประสานงานเกี่ยวกับงานอันมีลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์แก่คนพิการ มีกระทรวงพาณิชย์รับผิดชอบ, ๔) มาตรา ๒๐/๒ (๘) กำหนดให้การใช้ที่ราชพัสดุหรือทรัพย์สินอื่นของทางราชการเพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และอาจได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่น มีกระทรวงการคลังรับผิดชอบ, ๕) มาตรา๒๐/๓ วรรคสอง กำหนดให้ราชการส่วนท้องถิ่นอาจจัดตั้งศูนย์บริการคนพิการ โดยใช้งบประมาณของตนเองได้ มีกระทรวงมหาดไทยรับผิดชอบ, ๖) มาตรา ๒๑ วรรคสอง กำหนดให้ราชการส่วนท้องถิ่นอาจจัดสรรงบประมาณของตนเองเพื่อตั้งเป็นกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการส่วนท้องถิ่นได้ มีกระทรวงมหาดไทยรับผิดชอบ, ๗) มาตรา ๒๗/๑ กำหนดให้องค์กรเอกชนมีสิทธิได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับเงินที่ได้รับการอุดหนุนจากกองทุนตามที่ประมวลรัษฎากรกำหนด มีกระทรวงการคลังรับผิดชอบ และ ๘) มาตรา ๓๕ กำหนดให้นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบอาจให้สัมปทาน จัดสถานที่จำหน่ายสินค้า หรือบริการ จัดจ้างเหมาช่วงงานหรือจ้างเหมาบริการโดยวิธีกรณีพิเศษ มีกระทรวงการคลังรับผิดชอบ ทั้งนี้รัฐบาลขอความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐทั้ง ๒๑ หน่วยงาน เห็นความสำคัญของพรบ.ฉบับดังกล่าว และให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้ภาครัฐและเอกชนจัดสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการ ในส่วนราชการควรเร่งประสานงานและจัดทำสิ่งอำนวยความสะดวกแก่คนพิการให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อให้คนพิการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถดำรงชีวิตอิสระร่วมกับทุกคนในสังคมอย่างมีความสุข และสามารถเข้าถึงสิทธิอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน
นายสันติ กล่าวต่อไปว่า กระทรวงฯ และหน่วยงานภาครัฐ ร่วมกับสมาคมคนพิการในรูปแบบต่างๆ จะเข้าไปสร้างเสริมอบรมให้คนพิการมีความรู้และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้คนพิการมีศักยภาพต่างๆ สามารถนำมาใช้ประกอบอาชีพเลี้ยงดูตนเองได้ นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการฯ ยังมีมติเห็นชอบให้เพิ่มอัตราเบี้ยความพิการให้แก่คนพิการทุกคน จากเดิม รายละ ๕๐๐ บาท เป็นรายละ ๖๐๐ บาทต่อเดือน ในปีงบประมาณประจำปี ๒๕๕๗ โดยจะนำเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อให้เห็นชอบต่อไป.