กรุงเทพฯ--29 พ.ค.--IR network
บมจ.ยูเรกา ดีไซน์ หรือ EUREKA ยิ้มรับออเดอร์ใหม่ มูลค่ารวมประมาณ 100 ล้านบาท หนุนมูลค่างานในมือ (Backlog) เพิ่มเป็น 200 ล้านบาท คาดรับรู้รายได้ทั้งหมดภายในปีนี้ พร้อมแย้มแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/2556 สดใสต่อเนื่อง ซึ่งเป็นตามออเดอร์ที่ไหลเข้าไม่หยุด รับอานิงสงส์จากอุตสาหกรรมยานยนต์ขยายตัวต่อเนื่อง มั่นใจรายได้ปีนี้เข้าเป้า โตไม่ต่ำกว่า 30% ขณะที่ปีหน้าเตรียมบุกตลาดต่างประเทศเต็มสูบ ทั้งอินโดนีเซีย อินเดียและเวียดนาม
นายนรากร ราชพลสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเรกา ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) (EUREKA) เปิดเผยว่า ล่าสุดบริษัทฯได้รับคำสั่งซื้อใหม่จากผู้ประกอบการยานยนต์ มูลค่ารวมประมาณ 100 ล้านบาท ได้แก่ Mitsubishi มูลค่า 50 ล้านบาท, AISIN มูลค่า 30 ล้านบาท และ Honda Motorcycle มูลค่า 24 ล้านบาท ส่งผลให้มูลค่างานในมือ (Backlog) เพิ่มเป็น 200 ล้านบาท โดยคาดว่ามูลค่างานดังกล่าวจะสามารถรับรู้รายได้ทั้งหมดภายในปีนี้ ซึ่งด้วยประสิทธิภาพในการออกแบบและคุณภาพของเครื่องจักร รวมถึงการส่งมอบงานทันตามเวลา และการใส่ใจในการบริการหลังการขาย ทำให้ EUREKA ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่อย่างสม่ำเสมอ
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/2556 คาดว่าน่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2555 ที่มีรายได้อยู่ที่ 69 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.6 ล้านบาท และคาดว่าน่าจะใกล้เคียงกับไตรมาส 1/2556 ที่มีรายได้อยู่ที่ 94 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 14 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลบวกจากอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่ขยายตัว ทำให้บริษัทฯได้รับออเดอร์เพิ่มขึ้นจากผู้ประกอบรถยนต์ เช่น ฮอนด้า โตโยต้า มิตซูบิชิ เป็นต้น ขณะที่ออเดอร์จากต่างประเทศ ที่เวียดนาม และอินเดีย ก็มีเข้ามาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ EUREKA มั่นใจว่ารายได้รวมในปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมาย โดยตั้งเป้าไว้ที่ประมาณ 400 ล้านบาท หรือขยายตัวไม่ต่ำกว่า 30% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 306.3 ล้านบาท พร้อมวางเป้าหมายธุรกิจในช่วง 3 ปีข้างหน้า (ปี 2558) จะเป็นบริษัทฯที่มียอดขายติดอันดับ 1 ใน 10 ของอาเซียน จากปัจจุบันที่บริษัทฯติดอันดับ 1 ใน 5 ของประเทศไทย และคาดว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะเพิ่มเป็น 30% จากปัจจุบันมีสัดส่วนเพียง 10% โดยในปีหน้าบริษัทฯเตรียมเปิดสาขาที่ ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศอินเดีย และประเทศเวียดนาม หลังจากในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาได้เปิดสาขาที่ จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อเตรียมความพร้อมและปูทางก่อนบุกต่างประเทศ
“อัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้น่าจะเติบโตจากปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 29% โดยในไตรมาส 1/2556 ที่ผ่านมามีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 36% ซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารจัดการด้านต้นทุนได้อย่างดีเยี่ยมและเราก็ได้ลงทุนปรับปรุงระบบซอฟต์แวร์ เพื่อเสริมศักยภาพด้านการออกแบบ ทำให้ประสิทธิภาพการผลิตของบริษัทดีขึ้น โดยที่ไม่ได้เพิ่มจำนวนคน เราจึงสามารถลดต้นทุนในการบริหารงานได้มากขึ้น” นายนรากร กล่าว