กรุงเทพฯ--31 พ.ค.--ประชาสัมพันธุ์ ช่อง7
บทประพันธ์ : วราภา
บทโทรทัศน์ : ภาวิต
กำกับการแสดง : นนทนันท์ ธัญญาสิริทรัพย์
ควบคุมการผลิต : สยม สังวริบุตร
แนวละคร : ชีวิต ลึกลับ ตื่นเต้น
วันเวลาออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
เรื่องย่อ
คุณมณฑา หญิงสาวงามสง่าแห่งตระกูลผู้ดี ได้สมรสกับ เจ้าพระยาสรรักษ์ไกรณรงค์ เจ้าของคฤหาสน์ที่สวยงามราวกับความฝันชื่อ “โดมทอง” ซึ่งด้านหน้าติดภูเขา ด้านหลังติดทะเล
หลังแต่งงาน คุณมณฑา ได้พาน้องสาวที่เกิดจากภรรยาคนสุดท้ายของบิดามาด้วย คุณพลับพลึง หรือ คุณน้อยจึงมีอายุห่างจากคุณมณฑาค่อนข้างมาก ในขณะที่คุณมณฑา เป็นคนรักแรงเกลียดแรง แฝงด้วยความอำมหิตอย่างคาดไม่ถึง เข้มงวด และเจ้าอารมณ์ สร้างความตึงเครียด อึดอัดใจ กับผู้ที่อยู่ใกล้เสมอ แต่คุณพลับพลึงและเสียงเพลงลาวครวญจากจะเข้ของเธอ กลับนำความสดใส มีชีวิตชีวามาสู่ โดมทอง และ ท่านเจ้าคุณสรรักษ์ฯ
คุณมณฑาเริ่มเอะใจเมื่อท่านเจ้าคุณสั่งให้ปลูกทุ่งดอกพลับพลึง แต่ท่านเจ้าคุณก็แก้โดยปลูกต้นมณฑาไว้ในสวน นางพิศ บ่าวคนสนิท คอยยุยงว่าทำไมถึงปลูกพลับพลึงมากมายเป็นทุ่ง แต่ปลูกมณฑาไม่กี่ต้น ท่านเจ้าคุณก็แก้ได้อีกว่า ต้นมณฑา ไม่เหมาะกับปลูกเป็นทุ่งเหมือน ต้นพลับพลึง
ถึงแม้คุณมณฑาจะไม่พอใจแค่ไหน..ก็ไม่กล้าแสดงออกมากนักด้วยเกรงใจสามี โดยมาไล่เบี้ยเอากับน้องสาวแทน
ถึงแม้จะเกรงกลัวพี่สาวขนาดไหน คุณพลับพลึงผู้อ่อนไหวและเยาว์วัยก็ไม่อาจต่อต้านความรัก..ความปรารถนาของท่านเจ้าคุณได้ ทั้งสองลักลอบมีความสัมพันธ์กัน ขณะที่คุณมณฑาตั้งครรภ์ นางพิศเป็นคนจับได้ แล้วนำมาฟ้องนาย คุณมณฑาเคียดแค้นจนแทบกระอักเป็นเลือด
ระหว่างที่ท่านเจ้าคุณไปทำงาน คุณมณฑาสั่งให้นางพิศโบยคุณพลับพลึงจนสลบ พร้อมทั้งสั่งห้ามไม่ให้เรื่องนี้ถึงท่านเจ้าคุณเด็ดขาด ขณะเดียวกันคุณหญิงก็มารยาแพ้ท้องมากมายจนท่านเจ้าคุณไม่อาจปลีกตัวมาพบคุณพลับพลึงได้ และถึงแม้จะพบโดยบังเอิญคุณพลับพลึงก็จะพยายามหลบหน้าหลบตา หรือไม่คุณมณฑากับนางพิศก็จะเข้ามาในบริเวณนั้น
จนกระทั้งวันหนึ่ง ท่านเจ้าคุณต้องไปราชการต่างจังหวัด ด้วยความคิดถึงและเป็นห่วงคุณพลับพลึง ท่านเจ้าคุณจึงหาโอกาสมาล่ำลา ซึ่งก็ไม่ได้พ้นสายตาของนางพิศ ที่ได้รับคำสั่งให้คอยสอดส่องเป็นหูเป็นตาแทนเจ้านาย คุณมณฑาแค้นแสนแค้น แต่พยายามเก็บอารมณ์ไว้ ยิ่งได้สังเกตเห็นแววตาท่านเจ้าคุณที่ลอบมองน้องสาวอย่างเป็นห่วงและอาลัยอาวรณ์ ท่านผู้หญิงแค้นแสนแค้น หากพยายามเก็บอารมณ์ไว้
เมื่อท่านเจ้าคุณไปแล้ว คุณมณฑาไม่รอช้า สั่งให้นางพิศไปพาพี่ชายมา แล้วสั่งให้ทั้งสองจับ คุณพลับพลึงไปล่ามโซ่ขังในห้องบนยอดโดมทอง คุณพลับพลึงพยายามขอร้องให้ฆ่าเธอให้ตายเสียดีกว่า จะขังทรมานกันแบบนี้ แต่คุณมณฑากลับหัวเราะเยาะ บอกว่าการฆ่ามันไม่สาแก่ใจเท่ากับการที่ต้อง ทนทุกข์ทรมาน คุณพลับพลึงร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด แต่นั่นกลับทำให้คุณมณฑาสะใจ
คุณพลับพลึงถูกขังอยู่ในห้องบนยอดโดมทองนั้น โดยไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน ทั้งยังไม่ได้กินข้าวกินน้ำ นายพัน ซึ่งรู้สึกผิดได้แอบเอาข้าว เอาน้ำมาให้ เมื่อคุณมณฑาจับได้จึงไล่นายพันออกไป ไม่ให้มาเหยียบโดมทองอีก และได้สั่งนางพิศให้ตอกตะปูปิดตายห้องนั้นเสีย
ยินเสียงคุณพลับพลึงตะโกนออกมา “คุณพี่ใจร้ายเหลือเกิน อิฉันจะไม่ไปไหนจะอยู่รอดูวันสุดท้ายของคุณพี่”
เมื่อท่านเจ้าคุณกลับมาไม่เห็นคุณพลับพลึงก็แปลกใจ คุณมณฑารายงานว่าน้องสาวหนีออกไปเพราะสำนึกผิดที่แย่งสามีพี่สาว ท่านเจ้าคุณตกใจที่ภรรยารู้ความจริง ท่านผู้หญิงมารยาน้ำตาไหลซึมเศร้าทำให้ท่านเจ้าคุณไม่กล้าต่อความยาวสาวความยืด อีกทั้งเห็นภรรยากำลังท้องกำลังไส้
คุณมณฑาทำเป็นส่งคนออกตามหาน้องสาวแต่ก็ไม่พบ ท่านเจ้าคุณนั้นคิดมากจนตรอมใจล้มเจ็บ ก่อนสิ้นใจท่านเจ้าคุณได้ตั้งจิตอธิฐานว่าจะไม่ยอมไปผุดไปเกิด จนกว่าจะตามหาคุณพลับพลึงพบ หลังจากนั้นคุณมณฑาได้สั่งให้เก็บรูปท่านเจ้าคุณ และรูปเขียนของคุณพลับพลึงไว้ในห้องเก็บของ และปิดตายตั้งแต่นั่น
“โดมทอง” ในปี 2500 ยังคงความสง่างามและดูจะขลังยิ่งกว่าเดิม ภายในบ้าน อดิศวร์ วโรดม หลานชายคนเดียวของ คุณมณฑา หรือ ท่านผู้หญิงสรรักษ์ฯ ซึ่งบัดนี้แก่ชราลงไปตามกาลเวลา ได้เข้ามาลาท่านเพื่อลงไปกรุงเทพฯ
อดิศวร์นั้นมีรูปร่างหน้าตาเหมือนท่านเจ้าคุณราวกับพิมพ์เดียวกัน เหมือนเสียจนกระทั่งบางครั้งเมื่อท่านผู้หญิงกำลังเหม่อลอยและเขาเข้ามาหา ท่านจะพลั้งปากเรียกผิด ท่านผู้หญิงไม่อยากให้อดิศวร์ไปเพราะวันนั้นเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ ซึ่งเป็นวันที่ทรมานที่สุดของท่าน เพราะดวงวิญญาณคุณพลับพลึงจะทรงพลังมาก ด้วยวันนี้เป็นวันตาย และเป็นวันที่คุณพลับพลึงอธิษฐานไว้จะปรากฏให้เห็น พร้อมกับเพลงลาวครวญอันวังเวงเยือกเย็นชวนขนลุก อดิศวร์ซึ่งไม่เชื่อพยายามปลอบโยนและสั่งให้ 2 สาว อุษา กับ แสงแข ซึ่งเป็นญาติห่างๆ คอยดูแลท่านผู้หญิงให้ดีด้วย เขาจำเป็นต้องไปร่วมแสดงความยินดีกับ พิณทอง ผู้มีศักดิ์เป็นหลานสาวซึ่งจะเข้าพิธีหมั้นกับ พิชญ์ ชายหนุ่มชาติตระกูลดี
ในวันที่เดินทางมากรุงเทพฯ อดิศวร์และเพื่อนๆ ซึ่งนานๆ จะพบกันทีได้ชวนกันไปรับประทานอาหารที่ร้านแห่งหนึ่ง และได้พบกับ วิรงรอง เป็นครั้งแรก อดิศวร์รู้สึกสะดุดตาเป็นอย่างมากด้วยความสวยน่ารักสดใสและมีชีวิตชีวาของเธอ วิรงรองมากับ อนิรุทธ์ เพื่อนสนิท ความสวยสะดุดตาของหญิงสาว กลับกลายเป็นความดูถูกทันทีที่อดิศวร์เห็น ชายหนุ่มอีกคนเดินเข้ามาในร้าน เขามาต่อว่าวิรงรองด้วยความหึงหวงจนเกือบชกต่อยกัน วิรงรองดูไร้ค่าทันทีในสายตาของผู้ชายค่อนข้างเข้มงวดอย่างอดิศวร์
วิรงรองกลับมาถึงบ้านด้วยความโกรธและอับอายโดยมีอนิรุทธ์มาส่ง พิชญ์ตามมาขอโทษและปรับความเข้าใจพร้อมกับเอาแหวนออกมายืนยันว่าเขาจะแต่งงานกับเธอแน่นอน วิรงรองจึงย้อนถามว่าแล้วคู่หมั้นของเขาล่ะ พิชญ์ขอเวลาจัดการทุกสิ่งทุกอย่างให้เรียบร้อยและยืนยันว่าเขารักเธอคนเดียว ในขณะที่วิรงรองใจอ่อนจะยอมให้พิชญ์สวมแหวน คุณปราง มารดาวิรงรองกลับบ้านพอดี ความเยือกเย็นของคุณปรางทำให้พิชญ์กลับไปไม่กล้าโต้แย้ง
ในงานหมั้นของพิชญ์และพิณทอง อดิศวร์ได้พบกับพิชญ์เป็นครั้งแรกทำให้เขาห่วงหลานสาวทันที เพราะดูท่าทางแล้วพิณทองผู้อ่อนโยนอาจจะต้องเสียใจเพราะผู้หญิงที่อดิศวร์คิดว่ามารยาคนนั้น และเขาไม่รีรอเลยที่จะพูดเป็นเชิงรู้ทันเมื่ออยู่ตามลำพังกับพิชญ์ว่า พิณทองเป็นคนดีมากหวังว่าพิชญ์คงจะไม่ทำให้เธอเสียใจ ทำให้พิชญ์หวาดระแวงอดิศวร์ว่าจะรู้เรื่องเขากับวิรงรอง
ทางด้านคุณปรางเห็นวิรงรองลูกสาวซึมไป จึงปรึกษากับ คุณสุรภี คุณสุรภีนึกได้ว่าญาติผู้ใหญ่ของท่านที่โดมทองกำลังต้องการพยาบาลคนใหม่เพราะคนเก่าลาออกไป เพราะทนความเจ้าอารมณ์ของท่านผู้หญิง ไม่ไหว คุณปรางเห็นเป็นโอกาสดีที่จะแยกวิรงรองให้ไกลจากพิชญ์ อีกทั้งบรรยากาศใหม่ๆ อาจจะทำให้วิรงรองดีขึ้นจากอาการซึมเศร้าได้ ซึ่งวิรงรองก็ตอบรับในทันที
เมื่อเดินทางไปถึงโดมทอง วิรงรองพบว่ามีเพียงสิ่งเดียวที่ตรงกับความฝันและความหวังของเธอ นั้นคือความสวยงามของโดมทอง แต่กระนั้นก็ยังสัมผัสได้กับความลึกลับ ความน่ากลัว และความโศกเศร้าที่ดูเหมือนจะแทรกอยู่ในทุกอณูของบ้าน
นอกจากนั้นวิรงรองยังได้ยินเสียงเพลงลาวครวญอันโหยหวนดังมาจากยอดโดมทอง ยิ่งได้พบกับอดิศวร์เธอยิ่งแปลกใจกับความเย็นชาระคนกับความไม่พอใจของอดิศวร์ที่มีต่อเธอ และเมื่อเขาพาเธอไปแนะนำตัวกับท่านผู้หญิง ทุกคนในที่นั้นแม้กระทั้งอดิศวร์เองก็ยังอดประหลาดใจและตกใจไม่ได้ เมื่อท่านผู้หญิงได้แสดงความหวาดกลัว และเกลียดชังวิรงรองอย่างสุดชีวิต และเรียกเธอว่านังพลับพลึง จนอดิศวร์ต้องให้อุษาพาเธอออกไปก่อน ท่านผู้หญิงสั่งให้อดิศวร์ไล่อีนังพลับพลึงออกไป ซึ่งทำให้แสงแขแอบดีใจเพราะความสวยสดใสของวิรงรองทำให้เธอหวาดระแวงว่าอดิศวร์จะพอใจวิรงรอง
เมื่ออดิศวร์ออกมา วิรงรองขอกลับกรุงเทพฯ แต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อเขาปฏิเสธโดยไม่บอกเหตุผล ซึ่งแม้แต่อุษากับแสงแขก็แปลกใจเช่นกัน อุษานั้นแปลกใจแกมยินดีด้วยรู้สึกถูกชะตากับวิรงรอง ส่วนแสงแขยิ่งเพิ่มความริษยาและเกลียดชังวิรงรองมากขึ้น
ถึงแม้อดิศวร์จะห้ามไม่ให้ทุกคนเอ่ยถึงวิรงรองกับท่านผู้หญิงสรรักษ์ แสงแขก็ทำเป็นเผลอไผลทำให้ท่านผู้หญิงรู้ อดิศวร์ยืนยันกับท่านว่าเขามีเหตุผลที่ต้องให้วิรงรองอยู่ที่โดมทองต่อไป ซึ่งเหตุผลกระจ่างขึ้นในทันทีที่พิชญ์กับพิณทองมาฮันนีมูนที่โดมทอง
ยิ่งอยู่โดมทองนานวันเข้า วิรงรองยิ่งพบว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ลึกลับเรียกร้องให้เธอค้นหา เสียงกรีดร้องของท่านผู้หญิงด้วยความหวาดกลัวอย่างสุดขีดในยามดึก โดยเฉพาะคืนจันทร์เพ็ญ
ผู้ชายในเครื่องแต่งกายโบราณนั่งรถม้ามาหยุดหน้าโดมทอง แล้วเงยหน้าขึ้นมองเหมือนจะรอใครสักคน เสียงโซ่ที่เหมือนถูกลากตามพื้น เงาลึกลับของผู้ชายที่แต่งตัวเหมือนบ่าวสมัยโบราณที่คอยวนเวียนอยู่ภายนอกบ้าน ทำให้วิรงรองข่มความหวาดกลัวและพยายามสืบหาความจริง
นับตั้งแต่เข้าไปในห้องเก็บของที่ปิดตายจนพบรูปวาดของคุณพลับพลึงที่เหมือนเธอราวกับแกะ รูปของท่านเจ้าคุณสรรักษ์ไกรณรงค์ที่เหมือนกับอดิศวร์ราวกับพิมพ์เดียว และวิญญาณนางพิศซึ่งวิรงรองเข้าใจว่าเป็นแม่บ้านของท่านผู้หญิง จะมาปรากฏตัวคอยขัดขวางด้วยใบหน้าเย็นชาไร้ชีวิตจิตใจทุกครั้งที่วิรงรองกำลังจะค้นพบความจริงบางอย่าง ความริษยาถึงขั้นปองร้ายถึงชีวิตของแสงแข ความเป็นมาของ พันธุ์สูรย์ ชายหนุ่มคนรักผู้ลึกลับของอุษา และที่ร้ายที่สุดคืออดิศวร์ ซึ่งวิรงรองไม่เข้าใจว่าเกลียดชังเธอเรื่องอะไร
ระหว่างนี้ ภูไท เจ้าของปางไม้ภูไทและน้องสาวชื่อ ลานนา มาเยี่ยมท่านผู้หญิงและอดิศวร์ที่โดมทอง ที่จริงแล้วทั้งสองพี่น้องเป็น เพื่อนเล่นกับอดิศวร์ อุษา แสงแข รวมทั้งพันธุ์สูรย์ด้วยมาตั้งแต่เด็ก เมื่ออดิศวร์ ไล่พันธุ์สูรย์ออกจากบ้านเพราะจับได้ว่าเขารักกับอุษา พันธุ์สูรย์ก็หลบไปทำงานกับภูไทที่ปางไม้ เรื่องความรักของเขากับอุษาภูไทกับลานนาก็รู้ดี
การมาวันนี้เป็นการกลับมาพบกันของเพื่อนเก่าจริงๆ เมื่อลานนาทักวิรงรองอย่างตื่นเต้น สองสาวสนิทกันมากตั้งแต่เรียนอยู่ต่างประเทศ ลานนาเองรู้จักพิชญ์ด้วยเช่นกัน แล้วก็ถึงวันที่พิณทองกับพิชญ์มาถึงโดมทอง พิชญ์ตกใจที่พบวิรงรองที่นี่โดยที่อดิศวร์แนะนำว่าเธอเป็นญาติเขา วิรงรองไม่มีท่าทางผิดปกติเธอทำราวกับพบพิชญ์เป็นครั้งแรก ตรงข้ามกับพิชญ์ที่มีพิรุธจนเห็นได้ชัด ไม่ใช่เพียงอดิศวร์ที่แปลกใจกับอาการสงบนิ่งของวิรงรอง ตัวเธอเองก็แปลกใจที่สามารถเผชิญหน้ากับพิชญ์ได้โดยไม่รู้สึกอะไรเลย เวลานี้เธอยอมรับเขาได้ในฐานะเพื่อนเท่านั้น หลังอาหารค่ำวิรงรองหลบไปเดินเล่นที่ชายหาดคนเดียว กว่าจะรู้ว่าพิชญ์แอบตามมาด้วยเขาก็มาถึงตัวเธอแล้ว
พิชญ์พยายามขอคืนดีกับวิรงรอง แต่เธอไม่ยอม เขาหาว่าเธอรักกับอดิศวร์จึงฉวยโอกาสไล่ให้เขาแต่งงานกับพิณทอง วิรงรองไม่ยอมพูดเรื่องนี้ เธอพยายามไล่ให้พิชญ์กลับไปหาพิณทอง แต่กลับทำให้เขาโกรธ พิชญ์ฉวยโอกาสดึงตัวเธอมากอด แต่เธอกลับตบหน้าเขาอย่างแรงและไล่ให้เขากลับไปหาพิณทองที่กำลังเดินตามมา วิรงรองย้ำกับพิชญ์เสียงเข้มว่าเรื่องระหว่างเธอกับเขาจบไปแล้ว และไม่มีทางที่เธอจะกลับไปหาเขาอีก เมื่อพิชญ์ไปแล้ววิรงรองฟุบตัวร้องไห้อย่างเสียขวัญ เธอเจ็บใจที่พิชญ์หมิ่นน้ำใจและดูถูกเธอเหลือเกิน
เสียงของอดิศวร์ที่พูดถึงรอยฝ่ามือเธอบนหน้าพิชญ์ ทำให้วิรงรองตกใจมาก เธอรีบเช็ดน้ำตาทันที ขณะที่เขาพูดต่อเรื่อยๆ ว่าเขานั่งเล่นตรงนี้นานแล้วและได้ยินทุกอย่าง วิรงรองเงียบกริบเมื่อจู่ๆ อดิศวร์บอกให้เธอแต่งงานกับเขาและอยู่ที่โดมทองต่อไป
วิรงรองเข้าใจว่าเขาต้องการแต่งงานกับเธอเพื่อรั้งตัวไว้ไม่ให้กลับไปยุ่งเกี่ยวกับพิชญ์อีก วิรงรองอิจฉาพิณทองที่มี อดิศวร์คอยช่วย และทำทุกอย่างเพื่อให้หลานสาวมีความสุขช่างตรงข้ามกับเธอที่ไม่มีใครเข้าใจสักคน วิรงรองเถียงอดิศวร์อย่างลืมตัวชายหนุ่มดึงเธอมากอดและจูบคน พูดอย่างอ่อนโยนอบอุ่น วิรงรองรู้สึกราวกับโลกหยุดหมุน อ้อมกอดของอดิศวร์อบอุ่นและคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก เธอผละจากเขาทันทีที่รู้สึกตัวแต่เขาไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ทำร้ายเขาเหมือนพิชญ์ อดิศวร์หัวเราะ พูดอย่างรู้ทัน พลางรวบมือเธอไว้แล้วรีบจูงเดินย้อนกลับไปรวมกับคนอื่นๆ พิณทองล้อทั้งคู่จนวิรงรองอายหน้าแดง นั่นทำให้แสงแขเพิ่มความเคียดแค้น ชิงชังเธอมากขึ้นไปอีก
คืนนั้นดึกมากแล้วเมื่อแสงแขมาเคาะประตูห้องเรียกเธอออกไปคุยที่ระเบียงและขู่ไม่ให้เธอยุ่ง กับอดิศวร์ วิรงรองเห็นใจแสงแขจึงแกล้งหลอกว่าเธอมีคนรักแล้วเขาอยู่กรุงเทพอีกไม่นานเธอจะกลับ ไปหาเขาเธอไม่สนใจอดิศวร์เลยสักนิด แสงแขไม่ค่อยเชื่อนักย้ำแล้วย้ำอีกจนวิรงรองอ่อนใจ เมื่อแสงแขยอมเชื่อและแยกไปนอนแล้ว วิรงรองกลับยืนนิ่งอยู่ที่ระเบียงนั้นจนดึก เธอเหนื่อยใจกับคนที่นี่เหลือเกิน ไม่มีใครยอมฟังและเชื่อในสิ่งที่เธอบอกเลยนอกจากอุษา
ฝนเริ่มตกและตกหนักขึ้นทุกทีแต่หญิงสาวคง ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น เสียงเพลงหวานเศร้าแว่วมาอีกแล้วพร้อมเสียงรถม้า คราวนี้วิรงรองตั้งใจจะดูให้เห็นกับตาว่าใครขับรถม้า เมื่อเสียงรถม้าหยุดใต้ระเบียงหญิงสาวจึงชะโงกตัวลงไปดูจนเกือบพลัดตกระเบียง ดีว่าอดิศวร์เข้ามารวบตัวอุ้มไว้ทัน เขาพูดไม่ออกเมื่อเห็นวิรงรอง เธอเปียกโชกทั้งตัว หน้าซีด ตัวรุมร้อนเหมือนจะมีไข้ อดิศวร์รีบอุ้มเธอไปหาอุษาให้ช่วยดูแล อุษาเองก็ตกใจมากและแปลกใจ ที่อดิศวร์กุลีกุจอช่วยเธอปฐมพยาบาลวิรงรอง จนดึกกว่าจะยอมไปนอน ราตรีนั้นวิรงรองจึงต้องนอนกับอุษา เธอไข้สูงจนไม่มีใครกล้าปล่อยให้เธอกลับไปนอนที่ห้องตามลำพัง
วันรุ่งขึ้นอดิศวร์คอยช่วยอุษาสลับไปดูแลท่านผู้หญิง เขาอยู่กับท่านครั้งละนานๆ เพื่อให้อุษาได้ดูแลวิรงรองเต็มที่ อดิศวร์อ่อนโยนกับวิรงรองอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน หญิงสาวหายป่วยทันงานเลี้ยงส่งพิชญ์กับพิณทอง พันธุ์สูรย์ฉวยโอกาสหลบมาพบอุษาโดยมี ภูไท ลานนา และวิรงรองคอยช่วย แต่อดิศวร์ก็รู้จนได้ เขารีบตามออกไปที่สวน วิรงรองกับภูไทรีบตามไปติดๆ อดิศวร์ต่อว่าพันธุ์สูรย์แรงๆ หลายคำและพยายามปลอบอุษาให้กลับมาหาเขา พันธุ์สูรย์แค้นใจจึงบอก อดิศวร์ว่าการหายตัวไปของคุณย่าน้อยบางทีท่านผู้หญิงจะรู้ดีที่สุด และเป็นไปได้ที่คุณย่าน้อยจะไม่ได้ออกไปไหนเธออาจอยู่ที่ไหนสักแห่งในโดมทองนี้ คำพูดของเขาทำให้ทุกคนอึ้งไปหมด
เมื่ออดิศวร์ได้สติเขาต่อยพันธุ์สูรย์แล้วพาอุษากลับเข้าบ้านทิ้งทุกคนไว้ที่นั่น วิรงรองน้อยใจเขาจนบอกไม่ถูก ภูไทไล่พันธุ์สูรย์กลับไปและอยู่เป็นเพื่อนวิรงรอง ผ่านไปครู่เดียวลานนาก็ลงมาหาต่อว่าเพื่อนสาวที่ไม่ยอมบอกเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับอดิศวร์ ลานนาไม่ปล่อยให้วิรงรองงงนาน เธอบอกว่าอดิศวร์เพิ่งประกาศในงานว่าเขากำลังจะแต่งงานกับวิรงรอง หญิงสาวพูดไม่ออกข่มความน้อยใจ อดิศวร์ทำอะไรตามใจตัวเองและบังคับจิตใจเธอเหลือเกิน แต่หญิงสาวก็สวมบทบาทว่าที่เจ้าสาวอย่างน่ารัก งานเลี้ยงเลิกทุกคนกลับไปหมดโดมทองเงียบสนิท วิรงรองตัดสินใจจะหนีไปหาลานนา เธอทนอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ไหวแล้ว แต่ไม่ทันที่เธอจะออกไป อดิศวร์เข้ามาเห็นพอดีเขารับอาสาจะไปส่งเธอที่บ้านภูไทให้ วิรงรองเดินไปขึ้นรถอย่างตะบึงตะบอน
บรรยากาศในรถเงียบกริบจนกระทั่งหญิงสาวทนไม่ไหว เธอเอะใจว่าจะถูกหลอก บ้านภูไทอยู่ไกลเกินไปไม่เหมือนที่ลานนาบอกเธอเลย เมื่อเธอประท้วงเขา อดิศวร์กลับรับว่าเขาไม่คิดจะพาเธอไปบ้านนั้นเลยและไม่มีทางเป็นไปได้ เขาไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆ แน่นอน วิรงรองโกรธจนพูดไม่ออก อดิศวร์จึงค่อยๆปรับความเข้าใจกับเธอ แต่กว่าวิรงรองจะได้ยินคำว่ารักก็ยากเต็มที น่าแปลกที่เธอเชื่อเขาและเพิ่งรู้ใจตัวเองว่าเธอรักเขาเช่นกัน วิรงรองยอมกลับไปโดมทองอย่างเต็มใจ เมื่อพิชญ์กับพิณทองกลับไปแล้ว วิรงรองเริ่มสบายใจขึ้นบ้าง
คืนหนึ่งอดิศวร์พาเธอไปงานเลี้ยงที่จวนผู้ว่ากว่าจะกลับดึกมาก คืนนั้นเป็นคืนวันเพ็ญวิรงรองจึงชวนให้เขารอดูรถม้าลึกลับด้วยกัน อดิศวร์ตื่นเต้นที่เห็นว่ารถม้ามีจริงๆ เขาบอกเธอว่าชายคนที่ขับรถม้าไม่ได้มองห้องนอนวิรงรอง สายตาเขามองเลยขึ้นไปที่โดมทองต่างหาก
เช้าวันต่อมาอดิศวร์กับตาแสงคนขับรถ ขึ้นไปรื้อประตูและขึ้นไปที่โดมทอง วิรงรองกับอุษาตามไปด้วย บนนั้นมีประตูปิดตายอีกหนึ่งบาน อดิศวร์สั่งรื้อทันที เมื่อประตูเปิดทุกคนจึงเห็นว่ามีห้องอยู่อีกห้องหนึ่งทั้งที่ไม่น่าจะมี ทั้งหมดค่อยๆ เดินเข้าไปในห้อง ที่มุมห้องมีร่างทีเหลือเพียงโครงกระดูก และมีโซ่ตรวนเส้นโตถูกล่ามไว้ที่ข้อเท้าอย่างน่าสงสาร สร้อยคอทองคำห้อยล็อกเก็ตรูปเจ้าพระยาสุรรักษ์ไกรณรงค์ที่ตกอยู่ใกล้ๆ ทำให้รู้ได้ไม่ยากว่าเธอคือคุณพลับพลึงนั่นเอง
อดิศวร์คิดถึงเรื่องที่พันธุ์สูรย์บอกว่า ที่จริงแล้วเจ้าพระยาสุรรักษ์ไกรณรงค์รักกับคุณพลับพลึง การแต่งงานครั้งนั้นผิดฝาผิดตัว ท่านจำต้องแต่งงานกับคุณมณฑาซึ่งเป็นพี่สาว เมื่อภรรยาพาคุณพลับพลึงน้องสาวมาอยู่ด้วยทั้งคู่จึงหักใจไม่ได้ จนกระทั่งคุณมณฑาท้องจึงรู้ว่าสามีและน้องสาวมีความสัมพันธ์กัน หลังเธอคลอดลูกซึ่งก็คือพ่อของอดิศวร์ ไม่นานเจ้าพระยาสุรรักษ์ไกรณรงค์ต้องไปราชการหัวเมืองหลายวันและคุณพลับพลึงก็หายไปจากโดมทองตอนนั้นเอง
เสียงของวิรงรองที่บอกเขาให้ไขกุญแจโซ่ที่ล่ามข้อเท้าเธอทำให้อดิศวร์ได้สติ เขาผลุนผลันออกไปจากห้องโดยมีวิรงรองวิ่งตามไปที่ห้องท่านผู้หญิง เธอเข้าไปห้ามอดิศวร์ที่กำลังต่อว่าท่านผู้หญิงอย่างรุนแรง ท่านผู้หญิงปฏิเสธทุกอย่าง เสียงของวิรงรองทำให้ทั้งคู่หันมาหาเธอ ท่านผู้หญิงหน้าซีดเผือดตกใจ ท่านเรียกชื่อพลับพลึงไล่เธอออกไปก่อนจะเป็นลมและสิ้นใจทันที
ทุกอย่างวุ่นวายไปหมด อดิศวร์ค้นกำปั่นข้างตัวท่านผู้หญิงซึ่งท่านหวงนักหนาจึงพบกุญแจ เขารีบไปไขโซ่ที่ล่ามข้อเท้าคุณพลับพลึง กุญแจพวงนั้นยืนยันได้ว่าท่านผู้หญิงอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด อดิศวร์ต้องจัดงานศพถึงสองงานพร้อมกัน เพียงแต่ร่างของคุณพลับพลึงต้องไปบำเพ็ญกุศลที่วัดใกล้ๆ เพื่อไม่ให้อื้อฉาวขณะที่ท่านผู้หญิงจัดที่บ้าน
หลังจากท่านผู้หญิงสิ้นอดิศวร์กับวิรงรองใกล้ชิดกันมากขึ้น ยืนยันความสัมพันธ์ที่มีต่อกันจนแสงแขแค้นใจแทบคลั่ง เธอรู้ดีว่าอดิศวร์ต้องแต่งงานกับวิรงรองแน่นอน ไม่มีใครขัดขวางเขาได้แน่ วันหนึ่งในระหว่างงานศพขณะที่วิรงรองคุยกับภูไทและลานนา พันธุ์สูรย์วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาบอกให้พาวิรงรองกลับไปข้างในบ้าน เขาพูดไม่ทันขาดคำเสียงปืนดังขึ้น ร่างวิรงรองทรุดฮวบลงทันที ภูไทรีบช้อนตัวเธอไว้จึงรู้ว่าเธอถูกยิง
อดิศวร์ทั้งโกรธและแค้นที่สุดขณะที่หมอกำลังผ่าตัดกระสุนออกให้วิรงรอง อดิศวร์คุยกับพันธุ์สูรย์อย่างเคร่งเครียด และยิ่งโกรธเมื่อรู้ว่าแสงแขอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เขาให้พันธุ์สูรย์ประสานกับตำรวจตามล่ามือปืนให้ได้ หมอช่วยชีวิตวิรงรองไว้ได้ อดิศวร์ดีใจมากเขาดูแลเธออย่างใกล้ชิดมากขึ้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เขารู้ว่าเขารักเธอมากแค่ไหน มือปืนถูกจับตัวได้ไม่กี่วันต่อมา และให้การซัดทอดแสงแขว่าเป็นผู้จ้างวาน แต่แสงแขชิงฆ่าตัวตายเสียก่อน
เมื่อเรื่องร้ายๆ ผ่านไป ได้มีการเตรียมงานมงคลสองงาน หนึ่งคืองานแต่งงานของอุษากับพันธุ์สูรย์ และอีกงาน เป็นงานแต่งของอดิศวร์กับวิรงรอง ที่จะครองรักครองสุขกันที่โดมทองแห่งนี้ไปนานเท่านาน
รายชื่อนักแสดงนำ
วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ รับบท เจ้าพระยาสรรักษ์ไกรณรงค์ และ อดิศวร์ ศิโรดม
ทัศนียา การสมนุช รับบท คุณพลับพลึง และ วิรงรอง
ดวงดาว จารุจินดา รับบท คุณมณฑา หรือ ท่านผู้หญิงสรรักษ์ไกรณรงค์
จีรนันท์ มะโนแจ่ม รับบท ท่านผู้หญิงสรรักษ์ไกรณรงค์ (คุณมณฑาตอนสาว)
พิชยดนย์ พึ่งพันธ์ รับบท พิชญ์
กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า รับบท พิณทอง
ภูมิภาฑิต นิตยารส รับบท พันธุ์สูรย์
กวินตรา โพธิจักร รับบท อุษา
ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล รับบท แสงแข
วีรคณิศร์กานต์วัฒนกุล รับบท ภูไท
กวิตา รอดเกิด รับบท ลานนา
นนทพันธ์ ใจกันทา รับบท อนิรุทธิ์
กาญจนา จินดาวัฒน์ รับบท คุณปราง
พิราวรรณ ณ นคร รับบท คุณหญิงวัชรวิชิต
ภัสสร บุณยเกียรติ รับบท คุณหญิงแก้ว
กาญจนาพร ปลอดภัย รับบท สุรภี
น้อย โพธิ์งาม รับบท อุไร
วชิรา เพิ่มสุริยา รับบท โอบอ้อม
ไกรลาศ เกรียงไกร รับบท นายสม
รุ้งลาวัลย์ โทนะหงษา รับบท บัวคำ
อำภา ภูษิต รับบท นางพิศ
ตฤณ เศรษฐโชค รับบท รมต.พจน์
ปราบ ยุทธพิชัย รับบท นายพรหม
พอเจตน์ แก่นเพ็ชร์ รับบท นายพัน