กรุงเทพฯ--3 มิ.ย.--สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ขับเคลื่อนโครงการสร้างและพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ เพื่อมุ่งสร้างและพัฒนาคนภาคการเกษตร ให้สามารถปรับปรุงและแก้ไขปัญหาการทำการเกษตรอย่างยั่งยืน โดยพัฒนากระบวนการผลิต มีการจัดการที่ดี มีตลาดรองรับผลผลิตที่แน่นอน และสอดคล้องกับนโยบายเกษตรกรปราดเปรื่อง หรือ “สมาร์ทฟาร์มเมอร์” ซึ่งเป็นหนึ่งในภารกิจเร่งด่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดย ส.ป.ก. จัดอบรมเกษตรกรรุ่นใหม่ ให้เข้าถึงองค์ความรู้ จัดหลักสูตรที่เข้มข้น อาทิ การจัดทำแผนธุรกิจ กระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน มีการขอรับรองมาตรฐานสินค้า ตลอดจนสามารถจัดทำแผนธุรกิจเพื่อขอสินเชื่อจากกองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) เพื่อพัฒนาอาชีพและขยายผลธุรกิจในอนาคต และเตรียมความพร้อมในการสร้างความเข้มแข็งแก่เกษตรกร/สถาบันเกษตรกร พร้อมรับมือกับการที่ไทยได้รวมกลุ่มเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เพื่อตั้งเป้าความสำเร็จในการแข่งขันทางการค้า ซึ่งจะเป็นเครื่องพิสูจน์มาตรฐานการผลิตที่มีคุณภาพ แสดงถึงถิ่นกำเนิดสินค้าเกษตร และสุขอนามัยที่มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
นายอารยะ อินทรปฐม ประธานโครงการสร้างและพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ รุ่นที่ 7 ซึ่งเข้าร่วมโครงการและให้ความสำคัญกับการทำเกษตรอินทรีย์ ได้เล่าว่า “ครั้งแรกที่เข้ามาอบรมที่วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนครราชสีมา เป็นเวลา 2 เดือน หลังจากนั้นได้ลงมือทำการเกษตรอย่างจริงจัง โดยใช้ความรู้ความเข้าใจที่ร่ำเรียนมาพร้อม ๆ กับนำประสบการณ์ที่ได้รับจากการอบรมมาทดลองประกอบอาชีพ ประมาณ 4 เดือน เมื่อครบกำหนดจะมีการประเมินผล จากนั้นส.ป.ก.จะคัดเลือกผู้ผ่านการประเมินให้เข้าทำประโยชน์ชั่วคราวในที่ดินส.ป.ก. เป็นระยะเวลา 6 เดือน
นายอารยะ เล่าต่ออย่างน่าสนใจว่า หลังจากผ่านการประเมินผลในช่วง 4 เดือนแล้ว ได้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินที่ส.ป.ก.จัดให้ชั่วคราว เป็นพื้นที่ทำกินรายแปลง ในช่วงนั้นเขาตั้งใจว่าจำมุ่งทำการเกษตรครบวงจรแบบค่อยเป็นค่อยไป “ผมตั้งเป้าและวางแผนไว้ว่าจะพูดคุยหารือสมาชิกในกลุ่ม ปลูกพืชผัก และเลี้ยงไก่ไข่ โดยจัดแบ่งให้สมาชิกรายละ20 ตัว เมื่อเก็บไข่ ไก่ได้และเหลือจากการกิน จะนำมารวมกันขายแบบสหกรณ์เป็นรายได้ของกลุ่ม”
จากแนวคิดที่มองอย่างเกษตรกรนักพัฒนา เขาจึงเกิดความมุ่งมั่นที่จะก้าวเดินในเส้นทางอาชีพการเกษตร เป็นผู้นำเกษตรยุคใหม่ ที่สร้างประโยชน์ให้กับเกษตรกรร่วมอาชีพให้มากที่สุด โดยเริ่มจากการลงมือทำการเกษตรอย่างจริงจัง และประสบผลสำเร็จในอาชีพได้จริง ทั้งยังได้แนวคิดใหม่เพิ่มขึ้นจากการประกอบอาชีพ โดยยึดหลักการทำเกษตรที่ยั่งยืน มีระบบการตลาดที่รองรับผลผลิต และมีแนวทางการทำงานที่ชัดเจน จนสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้และเผยแพร่ข่าวสารที่เป็นประโยชน์แก่เกษตรกรรุ่นใหม่อย่างกว้างขวาง พัฒนาก้าวไกลในอาชีพเกษตรกรรมต่อไป
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : http://www.alro.go.th/alro/index.jsp