AFET ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับตลาดล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์เจิ้งโจว ยกระดับตลาดล่วงหน้าสินค้าเกษตรไทยสู่สากล

ข่าวทั่วไป Monday June 3, 2013 15:42 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 มิ.ย.--AFET ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย หรือ AFET จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง AFET กับ Zhengzhou Commodity Exchange (ZCE) ตลาดซื้อขายสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์แห่งเมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน โดยประธานตลาดล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์เจิ้งโจว มร.ฟาน ชาง นำคณะเดินทางมายังประเทศไทยเพื่อพบปะกับผู้บริหารระดับสูงของ AFET และร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โดยวัตถุประสงค์ของความร่วมมือในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและยกระดับตลาดล่วงหน้าทั้งสองสู่สากล ครอบคลุมการพัฒนาตลาดร่วมกันหลายประการ เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ ความชำนาญ กฎหมายและข้อบังคับ การกำกับดูแลและเทคโนโลยีระบบการซื้อขายสัญญาล่วงหน้า อย่างไรก็ดี นับเป็นครั้งแรกที่ AFET มีความร่วมมืออย่างเป็นทางการกับตลาดล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์แห่งเมืองเจิ้งโจวหรือ ZCE และถือเป็นโอกาสในการนำข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ นำร่องสู่แผนการดำเนินงานพัฒนาตลาดล่วงหน้าในระดับภูมิภาคเอเชียร่วมกัน การอำนวยความสะดวกการซื้อขายสัญญาระหว่างนักลงทุนทั้งสองประเทศ ตลอดจนการบูรณาการข้อมูลสินค้าที่ทั้งสองตลาดต่างมีจุดเด่นของสินค้าของตนเอง โดยสินค้าที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดในตลาดล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์เจิ้งโจวได้แก่ ฝ้าย (Cotton No.1:CF) ซึ่งมีมูลค่าการซื้อขายสูงเฉลี่ยถึงวันละกว่า 10,000 สัญญาต่อวัน ขณะที่สินค้าใน AFET ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดได้แก่ ยางแผ่นรมควันชั้น 3 (RSS3) ซึ่งมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 215 สัญญาต่อวัน ทั้งนี้ AFET และ ZCE จะเรียนรู้ร่วมกันถึงระบบการซื้อขาย ศึกษาแนวทางการลดขั้นตอนความยุ่งยากกรณีนักลงทุนของตนเองต้องการซื้อขายข้ามตลาด รวมถึงการจัดอบรมโดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างสองตลาดได้อย่างแท้จริง นายประสาท เกศวพิทักษ์ ประธานกรรมการตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) กล่าวต้อนรับคณะผู้บริหารจาก ZCE พร้อมเผยถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “AFET ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาตลาดสู่การเป็นศูนย์กลางการซื้อขายล่วงหน้าสินค้าเกษตร รวมทั้งตระหนักถึงบทบาทที่สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลในการเป็นกลไกการสร้างเสถียรภาพของราคาและราคาอ้างอิงสินค้าสำหรับเกษตรกรและผู้ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเกษตร โดยปัจจุบัน AFET มีสินค้าที่เปิดทำการซื้อขายอยู่ทั้งสิ้น 6 ประเภท ได้แก่ ข้าวขาว ข้าวหอมมะลิ ยางแผ่นรมควันชั้น 3 ยางแท่ง มันสำปะหลังเส้น และสับปะรดกระป๋องชิ้นคละ ซึ่งล้วนเป็นสินค้าส่งออกสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ของโลก” ขณะที่ มร.ฟาน ชาง ประธานตลาดล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์เจิ้งโจว (ZCE) กล่าวในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่า “ZCE รู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสเดินทางมายังประเทศไทย เพื่อเข้าเยี่ยมคารวะและหารือความร่วมมือกับ AFET พร้อมกับร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกันในวันนี้ โดยการสร้างความร่วมมือระหว่างตลาดภายในภูมิภาคเอเชียด้วยกันนั้น ถือเป็นภารกิจหนึ่งของ ZCE เนื่องจากตระหนักถึงการสนับสนุนการพัฒนาตลาดล่วงหน้าอย่างบูรณาการ” มร.ฟาน ชาง กล่าวเสริมว่า “การเดินทางมาในครั้งนี้มีความประสงค์จะขอหารือและศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ข้าว ยางพารา และมันสำปะหลัง พร้อมทั้งมีความมั่นใจว่าทั้ง ผู้ประกอบการสินค้าเกษตรไทย สมาชิกตลาด นักลงทุนทั้งไทยและจีน จะได้ประโยชน์จากความร่วมมือในครั้งนี้ เพราะเป็นที่ทราบดีว่า ผู้ซื้อชาวจีนเป็นผู้ซื้อรายใหญ่สำหรับสินค้าเกษตรเพื่อการส่งออกของไทยหลายชนิด ทั้ง ข้าว ยางพารา และมันสำปะหลัง จึงเป็นโอกาสดียิ่งที่ตลาดของผู้ซื้อจะเดินทางมาเพื่อเข้าพบตลาดของผู้ขาย” สำหรับ ZCE มีวิวัฒนาการของตลาดมาเป็นเวลานานกว่า 20 ปี ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1993 ในช่วงเริ่มต้นเปิดตัวผลิตภัณฑ์เพื่อการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าสินค้าหลายชนิด อาทิ ข้าวฟ่าง ข้าวโพด ถั่วเหลือง ถั่วเขียว และงา จากนั้นมีการพัฒนาการซื้อขายสัญญาในตลาดล่วงหน้าให้ทันสมัยขึ้นเรื่อยมาและมีความสอดคล้องกับตลาดจริง มีการปรับปรุงเพื่อเพิ่มสัดส่วนของสินค้าในตลาดอย่างต่อเนื่องจนปัจจุบันที่มีสินค้าสำหรับซื้อขายสัญญาล่วงหน้าทั้งสิ้น 11 ชนิด 10 หมวด ประกอบด้วย Hard White Wheat, Strong Gluten Wheat, Cotton No.1, White Sugar, Pure Terephthalic Acid, Rapeseed Oil, Early Long-grain Nonglutinous Rice, Methanol, Common Wheat ส่วน AFET เปิดการซื้อขายครั้งแรก เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2547 นับเป็นตลาดล่วงหน้าแห่งแรกของประเทศไทย โดยสินค้าที่นำมาซื้อขายประเภทแรก คือ ยางแผ่นรมควันชั้น 3 (RSS3) โดยในเดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคมปี 2556 ที่ผ่านมา มีปริมาณการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 27,756 สัญญา คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 12,986 ล้านบาท แม้ในช่วงเวลาดังกล่าวเกิดภาวะราคายางตกต่ำ ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายสัญญาล่วงหน้ายางแผ่นรมควันชั้น 3 มีปริมาณลดลง อย่างไรก็ตาม ยางแผ่นรมควันชั้น (RSS3) เป็นสินค้าที่มีช่วงความผันผวนของราคาสูงมากถึงกว่าร้อยละ 40 จึงเหมาะสมแก่การป้องกันความเสี่ยงในตลาดล่วงหน้าและยังคงเป็นสินค้าที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ