กรุงเทพฯ--4 มิ.ย.--สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้พิจารณาข้อเสนอของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เกี่ยวกับการดำเนินมาตรการดูแลเงินทุนเคลื่อนย้าย เพื่อให้นิติบุคคลและบุคคลไทยสามารถลงทุนในต่างประเทศได้มากขึ้น และเพื่อให้ ธปท. มีเครื่องมือในการดูแลเงินทุนไหลเข้าได้อย่างเหมาะสม กระทรวงการคลังได้ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง คำสั่งรัฐมนตรีให้ไว้แก่นิติบุคคลรับอนุญาต (ฉบับที่ 9) โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. การผ่อนคลายหลักเกณฑ์การโอนเงินออกนอกประเทศ
1) ผ่อนผันให้บุคคลธรรมดาลงทุนโดยตรงในกิจการที่ต่างประเทศได้ไม่จำกัดจำนวนเช่นเดียวกับนิติบุคคล ทั้งการลงทุนในรูปหุ้นทุน และให้กู้ยืม
2) ผ่อนผันวงเงินการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ ดังนี้
2.1) ผ่อนผันให้ผู้ลงทุนสถาบันลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศและอนุพันธ์ รวมทั้งตราสารสกุลเงินตราต่างประเทศที่ออกขายในประเทศตามที่กำหนด ได้ไม่จำกัดจำนวน ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสถาบันที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้แก่ กองทุนรวม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพและบริษัทหลักทรัพย์ ยังต้องขอจัดสรรวงเงินลงทุนจาก ก.ล.ต. ซึ่ง ก.ล.ต. จะจัดสรรจากวงเงินที่ ธปท. อนุมัติจำนวน 50,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. สำหรับผู้ลงทุนสถาบันประเภทอื่นจะสามารถลงทุนได้ตามวงเงินที่หน่วยงานที่กำกับดูแลผู้ลงทุนและคณะกรรมการหรือผู้มีอำนาจบริหารของผู้ลงทุนกำหนด
2.2) ผ่อนผันให้บุคคลรายย่อยลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศและอนุพันธ์ รวมทั้งตราสารสกุลเงินตราต่างประเทศที่ออกขายในประเทศตามที่กำหนดได้ไม่เกินวงเงินที่ได้รับจัดสรรจาก ก.ล.ต.
2.3) ผ่อนผันให้บุคคลในประเทศซื้อ แลกเปลี่ยนหรือกู้ยืมเงินตราต่างประเทศจากธนาคารพาณิชย์และนำฝากเข้าบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศเพื่อรอชำระภาระผูกพันที่เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศได้ตามจำนวนของภาระผูกพันดังกล่าว
3) ขยายขอบเขตการลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัทในเครือเดียวกันที่ต่างประเทศในลักษณะ ที่เป็นการให้สวัสดิการแก่พนักงาน ให้รวมถึงใบสำคัญแสดงสิทธิในการซื้อหุ้น โดยให้ทำได้ในวงเงินไม่เกิน 1 ล้านดอลลาร์ สรอ. ต่อรายต่อปี เท่าปัจจุบัน
2. การดูแลเงินทุนไหลเข้า
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ให้อำนาจ ธปท. ในการพิจารณาออกมาตรการดูแลเงินทุนไหลเข้า เช่น การเปิดเผยตัวตนของนักลงทุน (Registration) การกำหนดระยะเวลาการถือครองตราสารหนี้ (Holding Period) และการกำหนดให้ต้องทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) รวมถึงมาตรการที่มีความเหมาะสมอื่น ๆ ในอนาคต เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมและเป็นเครื่องมือให้กับ ธปท. ในการดูแลเงินทุนไหลเข้าอย่างเหมาะสม แต่ก่อนที่ ธปท. จะนำมาตรการใดออกมาใช้นั้นจะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอีกครั้งหนึ่งก่อน เพื่อความรอบคอบและสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของรัฐบาล
ทั้งนี้ หลังจากที่กระทรวงการคลังได้ออกประกาศดังกล่าวแล้ว ธปท. ในฐานะเจ้าพนักงานควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินจะได้พิจารณาผ่อนคลายหลักเกณฑ์อื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศอื่น ๆ ได้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น
สำนักนโยบายระบบการเงินและสถาบันการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
โทร. 0-2273-9020 ต่อ 3213