กรุงเทพฯ--6 มิ.ย.--เอไอจี
บริษัท อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป อิงค์ (AIG) เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2556 ประกาศผลกำไรรวมสุทธิหลังหักภาษี ไตรมาสแรกของปีอยู่ที่ 2 พันล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐฯ โดยมีผลดำเนินงานที่เติบโตขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ
โดยกลุ่มธุรกิจประกันวินาศภัยทั่วโลก ที่ดำเนินการรับประกันภัยภายใต้แบรนด์ เอไอจี (AIG) มีผลกำไรสุทธิก่อนภาษีที่ 1.6 พันล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 600 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐฯจากในปี 2012 ที่ทำได้ 1.0 พันล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐฯ ส่วนกลุ่มธุรกิจประกันชีวิตและการเตรียมเพื่อการเกษียณอายุ มีผลกำไรสุทธิก่อนภาษีอยู่ที่ 1.4 พันล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากในปี 2012 ที่ทำได้ 1.3 พันล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐฯ และกลุ่มธุรกิจเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์มีผลกำไรสุทธิก่อนภาษีที่ 41 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐฯเพิ่มขึ้นจากในปี 2012 ที่ทำได้ 8 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐฯ
“ผลประกอบการของ AIG ในไตรมาสแรกของปี 2556 นี้ แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของ เอไอจี ทั่วโลก จากการบริหารจัดการที่ดี รวมถึงการตอบรับการกลับมาของแบรนด์เอไอจีจากตลาดทั่วโลก ซึ่งยังคงมีความต้องการผลิตภัณฑ์ประกันภัยและบริการที่เรานำเสนอ รวมถึงความแข็งแกร่งในพอร์ตการลงทุนของเรา” มร.โรเบิร์ต เบนมอเช่ ประธานบริษัทและหัวหน้าคณะผู้บริหาร เอไอจี กล่าว
ทั้งนี้เบี้ยประกันภัยรับสุทธิของกลุ่มธุรกิจประกันวินาศภัยไตรมาสแรกอยู่ที่ 8.4 พันล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐฯ และมีอัตรารวม (combined ratio) ที่ 97.3% แบ่งเป็นผลการดำเนินงานของธุรกิจประกันภัยพาณิชยกรรม (Commercial Lines) ที่มีผลกำไรก่อนภาษี 1.0 พันล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐฯและอัตรารวม (combined ratio) ที่ 92.2% และผลดำเนินการของธุรกิจประกันภัยลูกค้ารายย่อย (Consumer Lines) ที่มีผลกำไรก่อนภาษี 153 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐฯและมีอัตรารวม (combined ratio) ที่ 98.4%
สำหรับผลประกอบการของกลุ่มบริษัท เอไอจี ประเทศไทยไตรมาสแรกมีรายรับสุทธิ อยู่ที่ 674 ล้านบาท โดยบริษัท นิวแฮมพ์เชอร์ อินชัวรันส์ มีกำไรสุทธิก่อนภาษีที่ 22 ล้านบาท มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR Ratio) 681% และบริษัท เอไอจี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มีกำไรสุทธิก่อนภาษีอยู่ที่ 9 ล้านบาท มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR Ratio) 942%