กรุงเทพฯ--7 มิ.ย.--บลจ.กรุงไทย
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการปรับตัวลงของตลาดหุ้นไทยที่ค่อนข้างแรงในช่วงที่ผ่านมา จากราคาดัชนีสูงสุดอยู่ที่ 1,643.40 จุดในช่วงเดือนเมษายน และ ปรับตัวลดลงต่ำสุดเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2556 อยู่ที่ 1,490.21 จุด หรือปรับตัวลดลงประมาณ 10% ในโอกาสนี้ บริษัทจึงเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดกรุงไทย5%ทริกเกอร์ ฟันด์ ( KRIG5%) เสนอขายตั้งแต่วันที่ 7-11 มิถุนายน 2556 อายุประมาณ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท เงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท
กองทุนจะเน้นลงทุนในตราสารทุน - ตราสารหนี้ โดยผู้จัดการกองทุนสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนได้ตั้งแต่ 0 ถึง100% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวะการณ์ในแต่ละช่วงเวลา ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทน 5%ภายใน6เดือน
ทั้งนี้ กองทุนจะมีอายุโครงการประมาณ 6 เดือน นับแต่วันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม หรืออายุโครงการอาจต่ำกว่า 6 เดือน เมื่อกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุนตั้งแต่ 10.80 บาทขึ้นไป ของมูลค่าที่ตราไว้ที่ 10 บาท เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกัน บริษัทจัดการจะทำการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติทั้งจำนวนของผู้ถือหน่วยลงทุนทุกรายไปยังกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์ ภายใน 5 วันทำการนับแต่วันที่เกิดเหตุดังกล่าว ทั้งนี้ มูลค่าหน่วยลงทุนที่คืนให้ผู้ถือหน่วยลงทุนต้องไม่ต่ำกว่า 10.50 บาทต่อหน่วย ของมูลค่าที่ตราไว้ที่10 บาท
ส่วนในกรณีครบกำหนดอายุกองทุน บริษัทจัดการจะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติให้ผู้ถือหน่วยลงทุน โดยจะทำการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติทั้งจำนวนของผู้ถือหน่วยลงทุนทุกราย ณ วันสิ้นสุดอายุโครงการ ไปยังกองทุนเปิดผสมที่มีนโยบายการลงทุนเหมือนกับกองทุนเปิดกรุงไทย5%ทริกเกอร์ ฟันด์ และเปิดซื้อ-ขายหน่วยลงทุนทุกวันทำการ
โดยกลยุทธ์ในการบริหารกองทุนนี้ บริษัทจะคัดสรรหลักทรัพย์ที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงตามปัจจัยพื้นฐาน มีศักยภาพในการเติบโตที่มั่นคงและสามารถสร้างอัตราการเติบโตของกำไร ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวน เพื่อให้ผลการดำเนินงานของกองทุนถึงเป้าหมายตามที่ได้คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับตัวลง เกิดจากความกังวลของนักลงทุนต่อเฟด ว่าอาจจะตัดสินใจชะลอการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวดีขึ้นกว่าที่คาดการณ์ ทั้งราคาที่อยู่อาศัย ตัวเลขการจ้างงาน และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ขณะที่ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากจากกระแสความกังวลกับมาตรการของเฟด ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นทั่วเอเซียรวมทั้งไทย ทั้งนี้ ในช่วงเวลานี้ ถือเป็นจังหวะที่ดี ที่บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนดังกล่าว เพื่อลงทุนในตลาดหุ้นไทย เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนต่าง ๆ ในตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงโดย บริษัทมองเป้าหมายดัชนีสิ้นปีนี้อยู่ที่ 1,750 จุด