กรุงเทพ--20 ส.ค.--กรมการค้าต่างประเทศ
นายประชา จารุตระกูล อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้กล่าวถึงกรณีที่แขวงจำปาสัก สปป.ลาว (ตรงข้ามจังหวัดอุบลราชธานี) ได้ออกประกาศห้ามนำเข้าสินค้าจำนวน 8 รายการ ตั้งแต่ วันที่ 14 กรกฎาคม 2541 เป็นต้นมา ได้แก่ (1) ผลไม้ทุกชนิด (2) ปลา, หอย,กุ้ง (3) ปลากระป๋อง (4) โต๊ะ เก้าอี้ (5) เครื่องขยายเสียง (6) เทป, วิทยุ (7) ขนม (8) น้ำกลั่นสำหรับเติมแบตเตอรี่ และน้ำกรด โดยให้เหตุผลว่า ปัจจุบัน สปป.บาว เริ่มมีความสามารถผลิตสินค้าในกลุ่มดังกล่าวขึ้นได้เองภายในประเทศแล้วนั้น
จากประกาศห้ามนำเข้าดังกล่าว กรมการค้าต่างประเทศ ได้ประสานกับกระทรวงการค้าและการท่องเที่ยวของสปป.ลาว ผ่านที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจและการค้าของลาว ประจำประเทศไทย (ท่านสมหวัง นินทะวง) แจ้งความกังวลของกระทรวงพาณิชย์ไทยให้ ฯพณฯ พูมี ทิบพะวอน รัฐมนตรีว่าการกรทะรวงการค้าและการท่องเที่ยว ซึ่งเพิ่มเดินทางกลับจากประเทศไทยในการมาเป็นประธานร่วมการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ไทย-ลาว ครั้งที่ 1 ที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 16-17 กรกฎาคม 2541 ที่ผ่านมา ได้รับทราบ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าฯ ของสปป.ลาว ได้รับทราบและมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก ได้แจ้งผ่านที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจฯ ของสปป.ลาว ที่ประจำ ที่กรุงเทพฯ ยืนยันกับฝ่ายไทยว่า รัฐบาลสปป.ลาว มิได้มีนโยบายที่จะห้ามนำเข้าสินค้าจากประเทศไทย และประกาศห้ามดังกล่าวนั้นมิใช่ประกาศของแขวงจำปาสักแต่เป็นของเจ้าหน้าที่แผนกการค้าที่ดูแลการค้าชายแดน ออกประกาศเพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าซึ่งกำลังมีความยุ่งยากในการนำเข้าตามชายแดนของสองประเทศ หากแก้ไขเสร็จแล้วก็จะเพิกถอนประกาศห้ามดังกล่าว นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าฯ (ท่าน พูมี ทิบพะวอน) ยังขอให้ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจฯ ของสปป.ลาว ยืนยันกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์) ว่า ฝ่ายลาวและแขวงจำปาสัก มิได้มีนโยบายห้ามนำเข้าสินค้าดังกล่าวจากประเทศไทย และฝ่ายลาวจะถือปฏิบัติตาาข้อตกลงจากการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ไทย-ลาว ที่ผ่านมาอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ จากการประชุมคณะกรรมกาาร่วมทางการค้า (JTC) ไทย-ลาว ที่ผานมาทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะร่วมมือกันดูแล และส่งเสริมการค้าชายแดนระหว่างทังสองประเทศ โดยเฉพาะการค้านอกระบบให้เข้าสู่ระบบ และจะสนับสนุนให้ผู้นำเข้าและผู้ส่งออกรวมทั้งประชาชนของทั้งสองประเทศมีความร่วมมือทางการค้ากันอย่างใกล้ชิด และสอดคล้องกับระเบียบของทั้งสองฝ่าย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.225-1315-29, 224-1212, 622-1717-8 โทรสาร.622-1717,224-7269--จบ--