กรุงเทพฯ--10 มิ.ย.--เทิร์นอะราวด์ โฟกัส
นายสุภศักด์ กฤษณามระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีลอยท์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า จากการจัดสัมมนาเรื่อง โอกาสในการลงทุนระหว่างประเทศของบรรดาตลาดหลักในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีผู้เข้าร่วม สัมมนาซึ่งเป็นตัวแทนจากดีลอยต์ของประเทศต่างๆ ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับ กฏระเบียบด้านการลงทุนต่างๆ โดยเฉพาะข้อมูลล่าสุดด้านภาษีกับกฎระเบียบอื่นๆของประเทศ สำคัญๆ อาทิ อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, พม่า, สิงคโปร์ และเวียดนาม รวมทั้งมุมมองจากนักลงทุนในประเทศไทยชี้ชัดว่า ขณะนี้ประเทศพม่าได้ผงาดขึ้นมาเป็นประเทศที่น่าลงทุนที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายหลังจาก ที่กฎหมายการลงทุนของคนต่างชาติฉบับใหม่มีผลบังคับใช้เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2555
ทั้งนี้ จากการให้ข้อมูลของนายโซวิน ผู้ก่อตั้งเมียนมาร์วิกเกอร์ ในฐานะบริษัทพันธมิตรของดีลอยท์ ที่ให้บริการแบบครบวงจรครอบคลุมบริการที่ปรึกษาธุรกิจการจดทะเบียนธุรกิจ การควบรวมกิจการ การสอบ บัญชี และ การให้คำแนะนำด้านภาษีแก่บริษัทท้องถิ่นของพม่าและบริษัทข้ามชาติได้ให้ข้อมูลที่ชัดเจนว่า ขณะนี้พม่ามีความน่าสนใจมากที่สุดในแง่การลงทุนข้ามประเทศ ภายหลังจากความวุ่นวายทางการเมือง ที่มีมาตั้งแต่ปี 2505 เริ่มคลี่คลายและมีการปรับปรุงระบอบการปกครองใหม่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ พม่าได้เปิดรับ การลงทุนจากชาวต่างชาติมากขึ้นโดยเฉพาะมีการประกาศใช้ Foreign Investment Law หรือ กฎหมายการลงทุนของชาวต่างชาติเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2555 ซึ่งเป็นกฎหมายที่อนุญาตให้ชาวต่างชาติ ลงทุนได้ 100 % ในกิจการหลายๆอย่าง นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดกฎระเบียบชัดเจนเกี่ยวกับภาระ ที่นักลงทุนต่างชาติกับรัฐบาลพม่าต้องดำเนินการ ส่งผลให้พม่าคืออนาคตที่สดใสสำหรับนักลงทุนต่างประเทศ ที่กำลังมองหาแหล่งลงทุนใหม่ๆ
สำหรับการลงทุนในประเทศอื่นๆ ยังคงมีประเด็นสำคัญให้พิจารณา เช่น อินโดนีเซีย ถึงแม้ในขณะนี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศเจริญเติบโตอยู่ในระดับ 6 - 6.5% แต่ปัจจัยที่ควรคำนึงก่อนตัดสินใจลงทุนใน อินโดนีเซีย ได้แก่ ประเภทของธุรกิจ พื้นฐานด้านภาษีในอินโดนีเซีย อาทิ ภาษีบริษัท, ภาษีมูลค่าเพิ่ม, ภาษีหัก ณ ที่จ่าย และภาษีล่าสุดซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อเร็วๆนี้คือ ภาษีท่องเที่ยว ซึ่งจัดเก็บจากภาคธุรกิจบางประเภท และอีกปัจจัยหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือ กฎเกณฑ์เกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงภาษีซึ่งมีผลบังคับ ใช้อยู่ในขณะนี้
ด้านการลงทุนในประเทศมาเลเซีย ปัจจุบัน มีโครงการปฏิรูปด้านเศรษฐกิจซึ่งคาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจ มาเลเซียมีความมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาวต่อไป นอกจากนี้มาเลเซียยังมีแรงจูงใจด้านภาษีสำหรับ นักลงทุนท้องถิ่นและต่างประเทศ
ส่วนการลงทุนในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งยังมีศักยภาพในการแข่งขันแข็งแกร่งติดอันดับของเอเชีย ประกอบกับ ข้อได้เปรียบด้านอื่นๆในการลงทุนและแรงจูงใจด้านภาษี ทำให้สิงคโปร์มีความน่าสนใจมาก สำหรับการเป็น ฐานในการลงทุน ขณะที่เวียดนามก็มีการสร้างแรงจูงใจด้านภาษีสำหรับธุรกิจบางประเภท เช่น ภาษีนำเข้า ไปจนถึงการหักลดหย่อนเพื่อการท่องเที่ยวสำหรับภาษีเงินได้ ตลอดจนการยกเว้นภาษีเงินได้ส่วนบุคคล สำหรับชาวต่างชาติที่ถูกส่งไปปฏิบัติงานในเวียดนาม
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนในประเทศไทยเองก็ยังต้องการการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการ ลงทุนหรือ BOI ในการส่งเสริมให้นักลงทุนในประเทศไทยไปลงทุนในต่างประเทศ และหลักเกณฑ์สำคัญ ด้านกฎระเบียบต่างๆ และเรื่องภาษีที่นักลงทุนในไทยควรคำนึงถึงเมื่อไปลงทุนในประเทศต่างๆใน ภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้นับตั้งแต่การตัดสินใจลงทุน การบริหารภาษีระหว่างการดำเนินธุรกิจไปจนถึงสิ้นสุด การลงทุน