กรุงเทพฯ--12 มิ.ย.--IR PLUS
“สุพันธุ์ มงคลสุธี” แม่ทัพใหญ่ซินเน็คฯ มั่นใจผลงาน Q2/56 โตได้อีก เนื่องจากมีสินค้าใหม่รอบุกตลาดเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งยังได้รับอานิสงส์จากการเปิดให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่ 2.1 GHz ช่วยกระตุ้นยอดขาย Smart Phone -Tablet พุ่ง ขณะที่ปีนี้ตั้งเป้ากำไรโตไม่ต่ำกว่า 15% และรายได้ขยับอีก 5% จากปีก่อน ส่วนผลงาน Q1/56 มีกำไรสุทธิ 121.07 ลบ. เพิ่มขึ้น 42.12% หลังควบคุมต้นทุนได้ดีและขายสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง ด้านแผนลุยพม่า เพื่อรองรับการเปิด AEC ในปี 58 ระบุ Q3/56 เริ่มรับรู้รายได้
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX เปิดเผยว่าแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/2556 บริษัทฯ คาดว่าจะมีทิศทางที่ดีกว่าไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของธุรกิจไอที ประกอบกับได้รับอานิสงส์จากการทยอยเปิดให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่ 2.1 GHz ตามเขตพื้นที่ต่างๆ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นยอดขายโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีสินค้ารุ่นใหม่ที่รอจำหน่ายในช่วงไตรมาสดังกล่าวอีกจำนวนมาก โดยบริษัทฯ ยังคงเน้นจำหน่ายสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง ฉะนั้นจึงเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เป้าหมายกำไรของบริษัทฯ ในปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อนที่ทำได้ 364.87 ล้านบาท ขณะที่เป้าหมายรายได้ปีนี้คาดว่าจะเติบโตอีก 5-8% จากปีก่อนอยู่ที่ 20,669.37 ล้านบาท
“ภาพรวมตลาดไอทีในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมายังถือว่าทรงตัว ตลาด Consumer มีการชะลอการซื้อไป แต่คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะมีแนวโน้มเติบโตที่ดีขึ้น เนื่องจากตลาด Commercial, ตลาด Corporate และตลาด Governmentมีแนวโน้มเติบโตขึ้นพอสมควร” นายสุพันธุ์กล่าว
อย่างไรก็ตามแผนการขยายตลาดในประเทศพม่าของบริษัทฯ เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 นั้น บริษัทฯ คาดว่าจะมีความชัดเจนและเริ่มรับรู้รายได้บางส่วนเข้ามาในช่วงไตรมาส 3/2556 และไตรมาส 4/2556 เนื่องจากปัจจุบัน บริษัทฯ เริ่มส่งพนักงานไปประจำสาขา เพื่อทำการ บุกตลาดแล้ว และเชื่อว่าภาพรวมตลาดไอทีในประเทศดังกล่าวจะมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้ซินเน็คฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ส่วนผลประกอบการในไตรมาสที่ 1/2556 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2556 นั้น บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการรวมทั้งสิ้นเป็นจำนวน 4,679.58 ล้านบาท ลดลง 445.81 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8.70% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่จำนวน 5,125.39 ล้านบาท ขณะที่บริษัทฯ มีผลกำไรสำหรับงวดดังกล่าวอยู่ที่ 121.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.88 ล้านบาท หรือคิดเป็น 42.12% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2555 อยู่ที่จำนวน 85.19 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนทางการเงินที่ลดลงและมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หลังจากที่เงินบาทแข็งค่าขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนจำนวน 43.44 ล้านบาท
“ผลงานไตรมาสแรกของบริษัทฯ ที่ออกมานั้นถือว่าน่าพอใจอย่างมาก บริษัทฯ สามารถทำกำไรสุทธิได้เพิ่มขึ้นกว่า 42% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2555 ในขณะที่ภาพรวมตลาดไอทีในช่วงต้นปีที่ผ่านมาถือว่าทรงตัวต่อเนื่องจากปลายปีก่อน โดยตลาด Notebook ยังคงทรงตัว ส่วนตลาด Smart Phone, Tablet มีทิศทางเติบโตดี แต่ในสัดส่วนที่ไม่มากนัก เนื่องจากสินค้าที่ขายในช่วงไตรมาสแรกนี้ยังเป็นสินค้าเก่าอยู่ ขณะที่ตลาด PC มีทิศทางเติบโตขึ้นจากตลาดลูกค้าองค์กรที่เติบโตดี” นายสุพันธ์ กล่าว
อย่างไรก็ตามจากผลงานไตรมาสแรกที่ออกมาดีนั้น ส่วนสำคัญมาจากการบริหารจัดการที่ดีของบริษัทฯ ที่พยายามปรับโครงสร้างทางการเงินเพื่อลดต้นทุน โดยนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ทางด้านการเงินเข้ามาช่วยในการทำงาน ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และบริษัทฯ จะยังคงมุ่งเน้นการบริหารจัดการที่ดีอย่างนี้ต่อไป ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังดำเนินการในเรื่องของความสามารถทำกำไรได้ดีขึ้นซึ่งจะ เห็นได้จาก Gross Profit Marginของบริษัทฯ ที่เพิ่มขึ้น แม้รายได้ของบริษัทฯ จะลดลงก็ตาม ซึ่งสาเหตุของการลดลงของรายได้นั้น มาจากราคาสินค้าที่ปรับตัวลดลง