กรุงเทพฯ--17 มิ.ย.--วอลโว่ กรุ๊ป
วอลโว่ กรุ๊ป สร้างโชว์รูมสุราษฎ์ธานี ประตูสู่ภาคใต้
- ศูนย์บริการและโชว์รูม รองรับทั้งภาคกลางตอนล่างและภาคใต้ตอนบน
- รองรับเศรษฐกิจใต้คึกคักและการเข้าสู่ประชาคมประชาชาติเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC
บริษัท วอลโว่ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้แทนจำหน่ายรถบรรทุกหนักวอลโว่และยูดีทรัคส์ แต่ผู้เดียวในประเทศไทย เดินหน้าขยายเครือข่ายการจัดจำหน่ายและศูนย์บริการทั่วประเทศ โดยล่าสุด เปิดสาขาสุราษฎ์ธานี เพื่อรองรับการจัดหน่ายและให้บริการแก่ตลาดภาคกลางตอนล่างและภาคใต้ตอนบน
มร. ฌาร์ค มิเชล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วอลโว่ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าสาขาสุราษฎ์ธานี ถือเป็นประตู่สู่จังหวัดภาคใต้และมีความสำคัญต่อการจัดจำหน่ายและการให้บริการแก่ผู้ประกอบการทั้งภาคใต้ตอนบนและภาคกลางตอนล่าง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น เหมาะที่จะกำหนดให้เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการเปิดประตูสู่ภาคใต้
“จังหวัดสุราษฎ์ธานีนี้ ถือเป็นจังหวัดที่มีความสำคัญต่อการขยายงานของวอลโว่ กรุ๊ป สู่จังหวัดภาคใต้ทั้งหมด และที่สำคัญ ขณะนี้เศรษฐกิจของจังหวัดสุราษฎ์ธานีนี้ ถือเป็นจังหวัดที่มีเศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้เพราะผู้ประกอบการต่างเล็งเห็นความสำคัญของสุราษฎ์ธานีในการรองรับการเข้าสู่ประชาคมประชาชาติเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ในปี 2558 ซึ่งนักธุรกิจและประชาชนในสุราษฎ์ธานีต่างตื่นตัวต่อสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต” มร.มิเชล กล่าว
มร.มิเชล กล่าวว่าภายใต้แผนการขยายงาของวอลโว่ กรุ๊ป บริษัทฯ ได้ตั้งงบประมาณไว้สูงถึง 3,000 ล้านบาทในการสร้างสาขาเพิ่มเติม 10 แห่งและขยายปรับปรุงสาขาปัจจุบันจำนวน 5 แห่ง ทั่วประเทศ โดยขณะนี้ได้มีสาขาที่ให้บริการ 7 แห่ง และวอลโว่ กรุ๊ป จะเร่งเปิดให้ครบตามแผนงานทั้งสิ้น 15 แห่งภายในสิ้นปีนี้
ทางด้านนาย ฐานิศร กาญจนกูล ผู้จัดการทั่วไปสาขาสุราษฎ์ธานี กล่าวเพิ่มเติมว่าศูนย์บริการสาขาสุราษฎ์ธานี แห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่ 8 ไร่ มีพื้นที่ให้บริการทั้งสิ้น 1,743 ตารางเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ให้บริการทั้งแบรนด์วอลโว่ และ แบรนด์ยูดี โดยมีช่องให้บริการทั้งสิ้น 4 ช่องการให้บริการ สามารถรองรับการให้บริการได้ 10 คันต่อวัน
“ผมมีความเชื่อมั่นอย่างมากว่าสาขาสุราษฎ์ธานีนี้ จะเป็นสาขาที่สามารถให้บริการได้ทั้งรถที่มาจากทั่วทุกภาคของประเทศไทย ทั้งนี้เพราะจังหวัดสุราษฎ์ธานีนี้ ถือเป็นประตู่สู่ภาคใต้ที่ผู้ประกอบการรถบรรทุกและรถโดยสารจะต้องผ่าน เราจึงเชื่อมั่นว่าสาขาแห่งนี้จะได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ประกอบการ” นายฐานิศร กล่าว
ทางด้าน มร. มิเชล กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดจำหน่ายรถบรรทุกหนักของวอลโว่ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ วอลโว่ กรุ๊ป สามารถจำหน่ายวอลโว่ 344 คัน ยูดี ทรัคส์ 266 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วในช่วงเดียวกัน 10 % โดยวอลโว่ กรุ๊ป มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ประมาณ 5 %
“สาเหตุที่ตลาดเติบโตอย่างต่อเนื่องนั้น ผมอยากจะบอกว่าเป็นผลจากความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการและนักลงทุนที่เล็งเห็นความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโครงการในอนาคตของรัฐบาลที่มีแผนจะสร้างปัจจัยพื้นฐานของประเทศ แน่นอนครับ โครงการเหล่านี้ ย่อมมีส่วนสร้างความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจในอนาคตของประเทศไทย” มร.มิเชล กล่าว