กรุงเทพ--19 ม.ค.--สำนักงาน สารนิเทศและประชาสัมพันธ์กระทรวงสาธารณสุข
ในภาวะเศรษฐกิจของชาติมีปัญหา ควรใช้ยาที่ผลิตภายในประเทศ ยาที่ผลิตจากองค์การเภสัชกรรมคุณภาพเท่าเทียมกับยานำเข้าจากต่างประเทศ ให้ผลในการรักษาที่ไม่แตกต่างกันในขณะที่ราคาถูกกว่ามาก
นายรักเกียรติ สุขธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในปี 2539 คนไทย มีการบริโภคยามีมูลค่าประมาณ 42,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นยานำเข้าจากต่างประเทศประมาณ 19,000 ล้านบาท สำหรับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข มีการใช้ยามูลค่า 6 พันล้านบาท 45% เป็นยาที่นำเข้าจากต่างประเทศ ส่วนอีก 55% เป็นยาที่ผลิตในประเทศคิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,300 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นยาที่องค์การเภสัชกรรมผลิตมูลค่าประมาณ 2,300 ล้านบาท
ในภาวะเศรษฐกิจของประเทศเช่นนี้ คนไทยควรหันมาบริโภคยาที่ผลิตภายในประเทศมากกว่าที่จะบริโภคยาที่นำเข้าจากต่างประเทศ เพราะยาที่ผลิตภายในประเทศมีคุณภาพเท่าเทียมกับยานำเข้า ให้ผลในการรักษาไม่แตกต่างกัน ในขณะที่มีราคาถูกกว่ามาก โดยเฉพาะยาที่ผลิตจากองค์การเภสัชกรรม ซึ่งได้รับการรับรองคุณภาพ GMP ตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข และมีการตรวจสอบคุณภาพในทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิต อีกทั้งมีการนำระบบคุณภาพ ISO 9002 เข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต ซึ่งเป็นระบบสากล ที่ต่างประเทศให้การยอมรับ นอกจากนี้ ยังมีการยกระดับคุณภาพของห้องปฏิบัติการเข้าสู่ระบบ ISO/IEC Guide 25 ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นคว้าวิจัยและตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ในอีกระดับหนึ่ง
นายแพทย์กฤษฎา มนูญวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม ชี้แจงเพิ่มเติมว่า นอกจากจะผลิตยาเองแล้ว องค์การเภสัชกรรมยังมีการลงทุนร่วมกับภาคเอกชน 6 บริษัท ในการผลิตยาและเวชภัณฑ์ ได้แก่ ยาฉีดเข้าเส้น น้ำเกลือ ยาปฏิชีวนะ น้ำตาลเด็กซ์โทรส เครื่องมือแพทย์ วัคซีนโรคภูมิแพ้ และยาจากสมุนไพร สำหรับสมุนไพรนั้น องค์การเภสัชกรรมได้มีการผลิตออกจำหน่ายแล้ว 15 ตำหรับ
นอกจากนี้ องค์การเภสัชกรรมได้มีการวิจัยและพัฒนายาตำหรับใหม่ ทั้งแผนปัจจุบันและยาจากสมุนไพรอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ผลิตยาแผนปัจจุบัน AZT และ DDI ใช้ในโครงการชะลอผู้ติดเชื้อโรคเอดส์ ในส่วนของยาสมุนไพรมี เจลพลู ป้องกันการติดเชื้อทางผิวหนัง น้ำยาฆ่าเชื้อในช่องปากสกัดจากใบฝรั่งในชื่อกวาว่าชนิดผง ใช้ผสมน้ำ และกวาว่าชนิดแคปซูล แก้ท้องเสีย นอกจากนี้ยังมียาแผนปัจจุบันและยาจากสมุนไพรอีกหลายรายการ อยู่ในระหว่างการดำเนินการ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 41
ขอให้ประชาชนมั่นใจผลิตภัณฑ์ยาขององค์การเภสัชกรรม ว่าเป็นยาที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานทัดเทียมยานำเข้า ราคายุติธรรม เหมาะกับค่าใช้จายในยุคภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน นายรักเกียรติ กล่าวย้ำในตอนท้าย--จบ--