กรุงเทพฯ--18 มิ.ย.--กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
นายไชยยันต์ พึ่งเกียรติไพโรจน์ ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวถึงความคืบหน้าของโครงการพัฒนาศูนย์กลางความรู้แห่งชาติ (Thailand Knowledge Center) หรือ TKC ว่า โครงการ TKC เป็นโครงการที่กระทรวงฯ ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2548 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมความรู้สาขาวิชาต่างๆ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้ามาศึกษาหาความรู้ได้จากทุกที่ ทุกเวลา ในรูปแบบเว็บท่า www.tkc.go.th ที่เน้นการจัดเก็บและเผยแพร่องค์ความรู้ในลักษณะสื่อดิจิทอล และสื่อประสมที่เข้าใจง่ายและมีความน่าสนใจ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการศึกษา ค้นคว้า และการประกอบอาชีพได้ต่อไป
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากระทรวงฯ ได้ดำเนินการโครงการ TKC ทั้งด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์เพื่อรองรับการจัดเก็บที่ทันสมัย สามารถรวบรวมองค์ความรู้ และจัดเก็บองค์ความรู้ในรูปแบบที่หลากหลาย ซึ่งประชาชนสามารถนำองค์ความรู้นั้น พัฒนาต่อยอด เพิ่มพูนประสบการณ์ได้ตลอดเวลา อีกทั้งสามารถใช้เป็นแหล่งค้นคว้า หาความรู้ของคนรุ่นใหม่ที่ใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกช่องทางหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมานั้น โครงการ TKC ได้มีการใช้เทคโนโลยีในการจัดทำเว็บไซต์ TKC ในรูปแบบของสังคมออนไลน์ (Social Network) และสารานุกรมเสรี (Wikipedia) ในการจัดทำเว็บไซต์เพื่อให้นักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไปนำองค์ความรู้ไปใช้ประโยชน์ มีการแลกเปลี่ยน ถ่ายทอดองค์ความรู้บนเว็บไซต์ไปเผยแพร่ในวงกว้างบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ และยังสามารถแก้ไข ปรับปรุงองค์ความรู้ให้ถูกต้องเป็นปัจจุบัน และใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างองค์ความรู้สำหรับประชาชน หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานภาคเอกชน ให้สามารถเข้ามาศึกษาหาความรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา
โดยกระทรวงฯ เล็งเห็นว่าการพัฒนาเนื้อหาสาระ (Content) และโปรแกรมประยุกต์ (Application) ที่เป็นประโยชน์ต่อการศึกษา การสาธารณสุข การป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน ศาสนาและวัฒนธรรม การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการดำรงชีวิตประจำวันนั้น เป็นการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำของประชาชนในการเข้าถึงสารสนเทศและความรู้ ประกอบกับข้อคิดเห็นของวุฒิสภาที่ต้องการให้กระทรวงไอซีที เป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบในการสร้างคลังความรู้แห่งชาติ เพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต กระทรวงฯ จึงได้พัฒนาเว็บไซต์ www.tkc.go.th อย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับองค์ความรู้ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และพัฒนาให้เป็นคลังความรู้ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ด้วยการปรับโครงสร้างของศูนย์กลางความรู้แห่งชาติให้ก้าวสู่การเป็นเว็บไซต์หลักขององค์ความรู้ของประเทศไทยในทุกด้าน (Thailand Knowledge Portal) พัฒนาให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ยุคใหม่ โดยถือเป็นการลดช่องว่างการเรียนรู้ของเด็กและสร้างความเท่าเทียมในสังคม ซึ่งจะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นสังคมแห่งการสร้างภูมิปัญญาและการเรียนรู้ (Knowledge Base Society) ได้ในที่สุด
ล่าสุดกระทรวงฯ จะมีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU : Memorandum of Understanding) ระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวงไอซีที กับ 13 หน่วยงาน/สถานศึกษา เพื่อรวบรวมองค์ความรู้ให้อยู่ใน www.tkc.go.th อาทิ กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สนับสนุนข้อมูลเกี่ยวกับแร่ธรรมชาติ ธรณีวิทยา ฟอสซิล และไดโนเสาร์ในประเทศไทย กระทรวงวัฒนธรรม สนับสนุนข้อมูลด้านศิลปวัฒนธรรมไทย มรดกทางวัฒนธรรมของชาติ โบราณสถานและประวัติศาสตร์ไทย ภูมิปัญญาท้องถิ่น นาฏศิลป์และดุริยางค์ศิลป์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สนับสนุนข้อมูลด้านวิทยานิพนธ์ งานวิจัย งานสร้างสรรค์ บทความวิชาการ สาระภูมิปัญญาด้านการเกษตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สนับสนุนข้อมูลด้านข้อมูลวิทยานิพนธ์ งานวิจัย งานสร้างสรรค์ บทความวิชาการ สาระภูมิปัญญาท้องถิ่น และสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ ให้ข้อมูลด้านการรณรงค์เพื่อความปลอดภัยและข้อมูลวิชาการในรูปแบบต่างๆ เป็นต้น นอกจากนั้นยังจะจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อรับทราบรายละเอียดโครงการและแนวทางในการนำเข้าองค์ความรู้ โครงการศูนย์กลางความรู้แห่งชาติ (Thailand Knowledge Center: TKC) แก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของหน่วยงานทั้ง 13 หน่วยที่ได้ลงนาม MOU เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับศูนย์กลางความรู้แห่งชาติ และการนำองค์ความรู้เข้าระบบ www.tkc.go.th อีกด้วย
ติดต่อ:
PR.MICT 02-1416747