กรุงเทพฯ--18 มิ.ย.--ตลท.
บมจ. สายการบินนกแอร์ (NOK) สายการบินราคาประหยัด ที่ให้บริการครอบคลุมเส้นทางการบินมากที่สุดในประเทศไทย พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 20 มิถุนายน นี้ หลังระดมทุน 3,250 ล้านบาท เพื่อจัดหาเครื่องบิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อขยายกิจการ
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บมจ. สายการบินนกแอร์ (NOK) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดขนส่งและโลจิสติกส์ ตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2556 โดยปัจจุบัน NOK เป็นสายการบินราคาประหยัด (Low-Cost Airline) ภายใต้แบรนด์ “นกแอร์” ที่ให้บริการขนส่งทางอากาศ ในลักษณะจุดต่อจุดและไม่มีบริการเชื่อมต่อ ครอบคลุมตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศจีนบางส่วน
NOK มีทุนชำระแล้ว 625 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 500 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 125 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 187.5 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 26 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 125 ล้านหุ้น มูลค่า 3,250 ล้านบาท และหุ้นสามัญเดิมที่ถือโดย บริษัท Aviation Investment International จำกัด จำนวน 62.5 ล้านหุ้น มูลค่า 1,625 ล้านบาท มูลค่าเสนอขายรวมทั้งสิ้น 4,875 ล้านบาท เมื่อวันที่ 12 — 14 มิถุนายน 2556 โดยมีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NOK เปิดเผยว่า “การระดมทุนของบริษัทครั้งนี้จะนำไปเป็นใช้เป็นเงินทุนในการจัดหาเครื่องบิน และเงินทุนหมุนเวียนในการขยายกิจการ ทั้งนี้ NOK เป็นสายการบินราคาประหยัดที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้โดยสารที่ส่วนใหญ่เป็นคนไทย มีเส้นทางบินครอบคลุมทั่วประเทศและความถี่ของเที่ยวบินที่อำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ผู้โดยสารมากที่สุดในประเทศ และยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้โดยสาร โดยร่วมมือกับ Lufthansa Technik ในการซ่อมบำรุงรักษาเครื่องบิน ในอนาคต NOK มีแผนการเปิดเส้นทางบินในต่างประเทศ ซึ่งในเบื้องต้นจะเปิดเส้นทางบินไปยังประเทศพม่าก่อน และจะศึกษาโอกาสในการขยายเส้นทางบินสู่ประเทศจีน”
NOK มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 รายแรกหลัง IPO ได้แก่ บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 39.2% บริษัท Aviation Investment International จำกัด ถือหุ้น 10 % และบริษัททุนลดาวัลย์ จำกัด ถือหุ้น 4.8 % ทั้งนี้ตามข้อมูลที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน การกำหนดราคาหุ้น IPO มาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ของนักลงทุนสถาบัน (Book Building) โดยราคาดังกล่าวคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) 14 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิของบริษัทในช่วง 4 ไตรมาสที่ผ่านมา (ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2555 ถึงไตรมาส 1 ปี 2556) ที่ไม่รวมค่าใช้จ่ายการซ่อมแซมสำหรับการคืนเครื่องบินจำนวน 247.4 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัท 625 ล้านหุ้นหลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (Fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 1.85 บาท ทั้งนี้บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 25% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทหลังหักภาษีและเงินสำรองตามกฎหมาย
ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.nokair.com และที่เว็บไซต์ www.set.or.th