กรุงเทพฯ--19 มิ.ย.--บีโอไอ
บีโอไอ ร่วมมือกับธนาคารชิกะ ธนาคารท้องถิ่นรายใหญ่ในเขตคันไซ ประเทศญี่ปุ่น หวังสร้างเครือข่ายด้านข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ดึงนักลงทุนกลุ่มเอสเอ็มอีญี่ปุ่นที่เป็นลูกค้าธนาคารเข้ามาลงทุนในไทย เลขาธิการบีโอไอมั่นใจศักยภาพเอสเอ็มอีญี่ปุ่นที่มีความชำนาญ มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย และมาตรฐานการผลิตขั้นสูง
นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า บีโอไอได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับธนาคารชิกะ (Shiga) ซึ่งเป็นธนาคารท้องถิ่นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัด ชิกะ เขตคันไซ ประเทศญี่ปุ่น และเป็นธนาคารที่มีลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลาง (เอสเอ็มอี) ที่มีศักยภาพ โดยธนาคารได้จัดตั้งสาขาในต่างประเทศแล้ว ได้แก่ ฮ่องกง รวมถึงมีสำนักงานตัวแทนในไทยและจีน โดยบีโอไอ และธนาคารชิกะ ตกลงที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันในด้านต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมการลงทุนของนักลงทุนญี่ปุ่นในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้รายละเอียดใน MOU จะให้ความสำคัญกับการมุ่งสร้างเครือข่ายของการจัดกิจกรรมส่งเสริมและชักจูงการลงทุน รวมถึงการเผยแพร่ แลกเปลี่ยนข้อมูลต่อนักลงทุนญี่ปุ่นที่มีศักยภาพและมีความสนใจลงทุนในไทยผ่านช่องทางต่างๆ อาทิ เอกสารเผยแพร่ การสัมมนา การพบปะหารือรายบริษัท เป็นต้น นอกจากนี้จะมีการแลกเปลี่ยนความเห็นร่วมกัน อาทิ บรรยากาศการลงทุนในไทย และกิจกรรมของบีโอไอ รายงานประจำปีของธนาคาร ชิกะเกี่ยวกับการลงทุนของญี่ปุ่นในต่างประเทศ และการสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของสองหน่วยงาน เป็นต้น
“ปัจจุบันนักลงทุนกลุ่มเอสเอ็มอีของญี่ปุ่น พิจารณาเรื่องการเข้าไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศอาเซียน ดังนั้นความร่วมมือกันในครั้งนี้จึงจะเป็นการช่วยให้ข้อมูลที่น่าสนใจของไทยเข้าถึงนักลงทุนญี่ปุ่นได้โดยตรง ผ่านหน่วยงานหรือธนาคารของญี่ปุ่นที่มีความใกล้ชิดกับนักลงทุนและเป็นหน่วยงานที่นักลงทุนเชื่อมั่นและวางใจ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการชักจูงการลงทุนจากประเทศญี่ปุ่นให้เข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้นได้อีกมาก โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าของธนาคารที่ส่วนใหญ่มีศักยภาพสูงและมีความโดดเด่นในอุตสาหกรรมหลากหลาย อาทิ ผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์ ไบโอเทคโนโลยี ยาและสุขภาพ รวมถึงพลังงานทดแทน ซึ่งล้วนเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายของบีโอไอในการชักจูงให้เข้ามาลงทุนในไทย” นายอุดมกล่าว
นายอุดม กล่าวเพิ่มเติมว่า บีโอไอมิได้ให้ความสำคัญแต่เพียงการดึงดูดให้เกิดการลงทุนจากญี่ปุ่น แต่บีโอไอยังสนับสนุนให้บริษัทจากญี่ปุ่นที่เข้ามาลงทุนในไทยเข้าร่วมกิจกรรมเชื่อมโยงอุตสาหกรรม และสร้างเครือข่ายทางธุรกิจกับผู้ผลิตชิ้นส่วนของไทยด้วย ซึ่งเมื่อมีความร่วมมือทางธุรกิจ เช่น ซื้อขายชิ้นส่วนร่วมกัน ก็จะนำมาซึ่งการถ่ายทอดความรู้ เทคโนโลยีในการผลิต ให้กับผู้ผลิตชิ้นส่วนของไทยด้วย
โดยบีโอไอจะเร่งส่งเสริมกิจกรรมเชื่อมโยงเอสเอ็มอีไทยและเอสเอ็มอีญี่ปุ่นให้มากขึ้น หลังจากประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในการจัดสัมมนาเอสเอ็มอีไทย-ญี่ปุ่น และการพบปะสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา ในระหว่างการเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ที่ผ่านมา บีโอไอ ได้จัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในรูปแบบต่างๆ อาทิ แต่งตั้งคณะทำงานชักจูงและเชื่อมโยง เอสเอ็มอี ญี่ปุ่นและ เอสเอ็มอี ไทยขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับบริษัทเอสเอ็มอีของญี่ปุ่นที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย เชื่อมโยงและสร้างเครือข่ายกับ ผู้ประกอบการไทย รวมถึงลงนาม MOU ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ของญี่ปุ่น ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ อาทิ The Japan Bank for International CooPeration (JBIC), The Hyakugo Bank, Hokuriku Bangk, Kyushu Economic International เป็นต้น