กรุงเทพฯ--19 มิ.ย.--กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
รองนายกฯ“ยุคล” ขึ้นเวทีรับรางวัลจากเอฟเอโอ ชี้ไทยประสบความสำเร็จในการลดจำนวนคนอดอยากได้มากกว่าครี่งของประเทศ ผลจากการดำเนินนโยบายเพื่อการพัฒนาในด้านการเกษตรและอาหาร ด้านการสาธารณสุข ด้านอาหารศึกษาอย่างต่อเนื่อง
นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า นอกจากการเดินทางไปร่วมประชุมใหญ่องค์การเกษตรและอาหารแห่งสหประชาชาติหรือเอฟเอโอที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกสองปี ในระหว่างวันที่ 15 - 21 มิถุนายน 2556 แล้ว เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2556 ที่ผ่านมา ยังเป็นผู้แทนไทยขึ้นรับรางวัลได้รับรางวัล“Reconizing outstanding progress in fighting hunger” ซึ่งเป็นรางวัลที่เอฟเอโอมอบให้กับประเทศที่สามารถลดจำนวนของประชากรที่ขาดสารอาหารได้ตามเป้าหมาย โดยเอฟเอโอได้กำหนดประเภทของรางวัลออกเป็นสองกลุ่ม คือ 1.กลุ่มประเทศที่สามารถลดจำนวนของประชากรที่ขาดสารอาหารได้มากกว่าครึ่งภายในปี 2012 ตามเป้าหมายการพัฒนาของที่ประชุมอาหารโลก (World Food Summit) ซึ่งประเทศในกลุ่มนี้มีจำนวน 18 ประเทศ และ 2. กลุ่มประเทศที่สามารถลดสัดส่วนของประชากรที่ขาดสารอาหารตามเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (MillenniumDevelopment Goal : MDG 1) ได้ร้อยละ 50 ภายในปี 2012 เช่นกัน ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายด้านเวลา 3 ปี ประเทศในกลุ่มนี้มีจำนวน 20 ประเทศ ซึ่งประเทศไทยนั้นสามารถดำเนินงานและบรรลุเป้าหมายทั้งสองกลุ่ม
สำหรับข้อมูลจำนวนของประชากรที่ขาดสารอาหารในประเทศไทยพบว่า จากผู้ขาดสารอาหารจำนวน 25.24 ล้านคน ประเทศไทยสามารถลดได้เหลือ 5.10 ล้านคน ภายในปี 2012 (2555) และสามารลดสัดส่วนของประชากรที่ขาดสารอาหารจากร้อยละ 43.8 เป็นร้อยละ 7.3 ภายในปี 2012(2555) เช่นกัน จึงถือได้ว่าเป็นการขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาประเทศที่ส่งผลให้ดัชนีชี้วัดความอดอยากหิวโหยลดลงเร็วกว่าเป้าหมายเวลาที่กำหนดไว้ 3 ปี โดยเป็นผลจากที่ประเทศไทยได้ดำเนินนโยบายเพื่อการพัฒนาในด้านการเกษตรและอาหาร ด้านการสาธารณสุข ด้านอาหารศึกษามาอย่างต่อเนื่อง จึงได้รับรางวัล“Reconizing outstanding progress in fighting hunger” จากเอฟเอโอในครั้งนี้
“ข้อมูลการขาดสารอาหารของประชากรนั้น สำรวจจากตัวแปรชี้วัดที่ประกอบไปด้วย ข้อมูลปริมาณพลังงานจากอาหารขั้นต่ำที่ร่างกายมนุษย์ต้องการในแต่ละช่วงอายุ เพศ วัย ในระดับที่เพียงพอแก่การดำรงชีวิตและมีสุขภาพดี และข้อมูลความไม่เสมอภาคของการบริโภคในประชากรแต่ละกลุ่ม นำมาประมวลสัดส่วนของผู้ขาดสารอาหาร ซึ่งได้ตีพิมพ์เผยแพร่ในรายงาน The State of Food Insecurity in the World 2012 อันเป็นข้อมูลพื้นฐานของการพิจารณาเชิงนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจที่ เอฟเอโอ เห็นว่าเศรษฐกิจของประเทศจะเติบโตอย่างยั่งยืนได้นั้น ประชากรของประเทศจะต้องมีสุขภาพดีจากการได้รับสารอาหารหรือโภชนาการที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ซึ่งการมีสุขภาพที่ดีนั้นจะส่งผลให้ผลิตภาพของทรัพยากรมนุษย์สูงอันเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน”นายยุคล กล่าว