กรุงเทพฯ--20 มิ.ย.--ทริสเรทติ้ง
ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 2,500 ล้านบาทของ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A+” ด้วยเช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระหนี้เดิม อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะที่แข็งแกร่งของบริษัทในการเป็นผู้ผลิตในธุรกิจห่วงโซ่โพลีเอสเตอร์ชั้นนำระดับโลก ตลอดจนความได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิตและการผลิตที่มีประสิทธิภาพจากการมีระบบการผลิตที่ครบวงจร (Vertical Integration) รวมถึงการมีฐานลูกค้าที่กระจายตัวทั่วโลก ในการพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความสามารถและประสบการณ์ของคณะผู้บริหาร รวมทั้งการเข้าถึงเทคโนโลยีสำคัญของอุตสาหกรรมด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวมีข้อจำกัดจากลักษณะที่ผันผวนของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี รวมถึงความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลก อุปทานส่วนเกินของกรดเทอเรฟธาลลิกบริสุทธิ์ (Purified Terephthalic Acid — PTA) และโพลีเอธิลีน เทอเรฟธาลเลท (Polyethylene Terephthalate — PET) ในภูมิภาคเอเซีย ตลอดจนการลงทุนขนาดใหญ่เพื่อบรรลุเป้าหมายการเติบโตของบริษัท ซึ่งข้อจำกัดดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินของบริษัท ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถมีผลการดำเนินงานที่มีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งได้รับประโยชน์จากการมีฐานธุรกิจทั่วโลกและระบบการผลิตที่ครบวงจร นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะรักษาความแข็งแกร่งทางการเงินและสถานะสภาพคล่องที่เพียงพอเอาไว้ได้เพื่อช่วยบรรเทาความผันผวนจากธุรกิจปิโตรเคมี
บริษัทอินโดรามา เวนเจอร์สก่อตั้งเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2546 โดยกลุ่มตระกูลโลเฮีย (Lohia) ภายใต้ชื่อเดิมคือ บริษัท บีคอน โกลโบล จำกัด ในฐานะเป็นบริษัทเพื่อการลงทุน บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2553 และปัจจุบันกลุ่มตระกูลโลเฮียมีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท 66.4% บริษัทลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจห่วงโซ่โพลีเอสเตอร์เป็นหลัก ซึ่งประกอบด้วย การผลิตโมโนเอธิลลีนไกลคอล (Mono Ethylene Glycol — MEG) PTA และ PET รวมทั้งผลิตเส้นใยและเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์ด้วย ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตติดตั้งรวมทั้งสิ้น 6.78 ล้านตันต่อปี ซึ่งประกอบด้วยกำลังการผลิตเทียบเท่า MEG ขนาด 0.55 ล้านตันต่อปี กำลังการผลิต PTA ขนาด 1.76 ล้านตันต่อปี กำลังการผลิต PET ขนาด 3.59 ล้านตันต่อปี และกำลังการผลิตเทียบเท่าเส้นใยโพลีเอสเตอร์ที่ 0.88 ล้านตันต่อปี สำหรับห่วงโซ่โพลีเอสเตอร์นั้นมี PTA และ MEG เป็นวัตถุดิบสำคัญในกระบวนการผลิต PET และเส้นใยโพลีเอสเตอร์ โดย PET มีการใช้อย่างกว้างขวางในการผลิตบรรจุภัณฑ์สำหรับเครื่องดื่ม อาหาร ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนตัว เครื่องใช้ในครัวเรือน เวชภัณฑ์ รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าอุตสาหกรรมอื่น ๆ ในขณะที่เส้นใยและเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์นั้นใช้ในอุตสาหกรรมปลายน้ำหลายประเภท ได้แก่ เครื่องแต่งกาย สิ่งทอที่ใช้ภายในครัวเรือน ผลิตภัณฑ์เส้นใยที่ไม่ทอ สิ่งทอชนิดพิเศษ และอุตสาหกรรมยานยนต์
ปัจจุบันบริษัทมีฐานการผลิตกระจายอยู่ใน 15 ประเทศ ครอบคลุม 4 ทวีป (เอเซีย ยุโรป อเมริกาเหนือ และอาฟริกา) ความสำเร็จในการขยายธุรกิจของบริษัทส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการซื้อกิจการที่อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างโดยซื้อได้ในราคาต่ำ รวมทั้งความมุ่งมั่นของผู้บริหารที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และความสามารถในการใช้เทคโนโลยีที่สำคัญ ๆ นอกจากนี้ การที่บริษัทมีฐานการผลิตกระจายตัวอยู่ในภูมิภาคที่สำคัญยังช่วยให้บริษัทเข้าถึงฐานลูกค้าได้ทั่วโลก ส่งผลให้บริษัทสามารถคงอัตราการใช้กำลังการผลิตได้ในระดับสูง การควบคุมปัจจัยการผลิตที่มีประสิทธิภาพนั้นเป็นผลมาจากการมีแหล่งวัตถุดิบเป็นของตนเองจากการมีระบบการผลิตที่ครบวงจร รวมถึงการมีโรงงานที่ใช้พื้นที่ร่วมกับผู้ผลิตวัตถุดิบรายสำคัญ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ช่วยให้บริษัทสามารถเสนอราคาที่แข่งขันได้เนื่องจากมีความได้เปรียบในด้านต้นทุนการผลิตและค่าขนส่ง นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาการกีดกันทางการค้าในตลาดที่สำคัญ เช่น อเมริกาเหนือและยุโรป รูปแบบธุรกิจของบริษัทที่มีการผลิตครบวงจร ตลอดจนการมีฐานการผลิตที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลกน่าจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและบรรเทาความเสี่ยงของภาวะอุตสาหกรรมปิโตรเคมีได้ อย่างไรก็ตาม กำลังการผลิตใหม่จากประเทศจีนและความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลกนั้นจะสร้างความกังวลต่อภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในระยะอันใกล้นี้
สถานะทางการเงินของบริษัทยังคงถูกกดดันจากภาวะขาลงของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะฟื้นตัวในระยะกลาง ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2556 บริษัทมีรายได้ 55,494 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ลดลงจาก 5.7% ในปี 2555 เหลือ 5.2% ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2556 เนื่องจากการแข่งขันที่สูงขึ้นในธุรกิจ PTA ในเอเซีย ประกอบกับอัตรากำไรของ MEG และเส้นใยโพลีเอสเตอร์ที่อ่อนตัวลง ซึ่งอัตรากำไรที่เพิ่มของ PET ไม่สามารถชดเชยการอ่อนตัวดังกล่าวได้ อัตรากำไรของบริษัทในรูปของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ต่อตันของการผลิตลดลงจาก 86 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในปี 2555 เหลือ 73 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2556 ซึ่งอัตรากำไรของบริษัทจะยังคงได้รับแรงกดดันจากภาวะอุปทานส่วนเกินสำหรับ PTA ในภูมิภาคเอเซียและจากวิกฤตเศรษฐกิจในทวีปยุโรปที่ยังไม่คลี่คลาย บริษัทมีเงินทุนจากการดำเนินงาน 2,356 ล้านบาทในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2556 อัตราส่วน EBITDA ต่อดอกเบี้ยจ่ายลดลงจากในไตรมาสที่ 1 ของปี 2556 อยู่ที่ 3.1 เท่า
การลงทุนในช่วงปี 2554 ถึงครึ่งแรกของปี 2555 ส่งผลต่อฐานะทางการเงินของบริษัท โดยเงินกู้รวมเพิ่มขึ้นจาก 32,068 ล้านบาทในปลายปี 2553 เป็น 80,751 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 ซึ่งรวมเงินกู้เพื่อการลงทุน เงินกู้ของบริษัทที่มีการควบรวมกิจการเข้ามาและเงินกู้สำหรับหมุนเวียนในกิจการ ทำให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มจาก 49.9% ณ สิ้นปี 2553 เป็น 59.9% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนตัวลง บริษัทชะลอการลงทุนในกิจการใหม่ไปจนถึงปี 2557 การชะลอการลงทุนน่าจะช่วยปรับให้โครงสร้างเงินทุนของบริษัทดีขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงขยายกำลังการผลิตสำหรับโครงการเดิมตามแผนต่อไปซึ่งรวมถึงการเพิ่มกำลังการผลิต PET ในสหรัฐฯ (โครงการ Alphapet 2) ด้วย ทั้งนี้ บริษัทจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 8 ล้านตัน ณ สิ้นปี 2559
บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) (IVL)
อันดับเครดิตองค์กร: A+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
IVL16OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 210 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A+
IVL16OB: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,690 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A+
IVL174A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A+
IVL174B: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A+
IVL18OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 98 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A+
IVL18OB: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,302 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A+
IVL18DA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 780 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A+
IVL194A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A+
IVL20DA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 880 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A+
IVL21OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 37 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A+
IVL21OB: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,163 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A+
IVL224A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,250.5 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A+
IVL224B: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,649.5 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A+
IVL22DA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,645 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A+
IVL24DA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,475 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A+
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2566 A+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable