ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตพันธบัตรไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท “บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย” ที่ระดับ “A+/Stable”

ข่าวเศรษฐกิจ Friday June 21, 2013 19:17 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--21 มิ.ย.--ทริสเรทติ้ง ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตพันธบัตรไม่มีประกันของ บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) ในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2557 ที่ระดับ “A+” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บตท. ที่ระดับ “A+” ด้วย โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ บตท. จะนำเงินที่ได้จากการออกพันธบัตรไปซื้อสินเชื่อที่อยู่อาศัย อันดับเครดิตดังกล่าวได้รับการปรับระดับเพิ่มขึ้นจากอันดับเครดิตเฉพาะของ บตท. เนื่องจากได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากรัฐบาลในฐานะเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจซึ่งถือหุ้น 100% โดยกระทรวงการคลัง บตท. มีบทบาทในการส่งเสริมตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัยของไทยและมีความได้เปรียบในการแข่งขันจากการได้รับสิทธิพิเศษด้านฎหมายและการยกเว้นภาษีภายใต้ พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2540 แม้ว่าโครงสร้างคณะกรรมการของ บตท. จะมีความเหมาะสมในการรองรับพันธกิจ แต่อันดับเครดิตเฉพาะของ บตท. ก็มีข้อจำกัดจากปัจจัยหลายประการ อาทิ การมีประวัติผลงานตามพันธกิจในช่วงสั้น ๆ เนื่องจากภาวะแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจไม่เอื้ออำนวย และต้นทุนการดำเนินงานที่สูงเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจอื่น ๆ ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ในระยะปานกลางว่าผู้บริหารชุดใหม่ของ บตท. จะสามารถพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานและซื้อพอร์ตสินเชื่อจำนวนมากจากสถาบันการเงินที่เป็นพันธมิตรได้ตามแผน รวมทั้งสะท้อนถึงความคาดหวังว่าความสัมพันธ์ของ บตท. กับรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการสนับสนุนทางธุรกิจและการเงินจากรัฐบาลจะไม่เปลี่ยนแปลงในอนาคต นอกจากนี้ ยังคาดว่า บตท. จะได้รับการสนับสนุนทั้งทางตรงและทางอ้อมจากรัฐบาลในการแก้ไขข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อเอื้อให้มีอุปสงค์ในการออกตราสาร MBS เพิ่มมาก บตท. ก่อตั้งปี 2540 ภายใต้ พ.ร.ก. บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2540 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1,000 ล้านบาท ภายใต้ พ.ร.ก. ดังกล่าว รัฐบาลสามารถค้ำประกันตราสารหนี้ที่ออกโดย บตท. ได้ไม่เกิน 4 เท่าของเงินกองทุน ต่อมาในเดือนมกราคม 2552 กระทรวงการคลังได้เพิ่มทุนให้แก่ บตท. อีก 100 ล้านบาท คณะกรรมการของ บตท. ประกอบด้วยตัวแทนที่หลากหลายจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน อาทิ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กรมที่ดิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พร้อมด้วยผู้มีคุณสมบัติอื่น ๆ ที่เหมาะสมอีก 4 ตำแหน่งและกรรมการผู้จัดการของ บตท. เป้าหมายในการก่อตั้ง บตท. คือ การสร้างตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัยและเสนอสินเชื่อที่อยู่อาศัยอัตราคงที่ระยะยาวแก่ผู้ซื้อบ้าน ซึ่งประมาณ 80% ของสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่อยู่ในพอร์ตของ บตท. นั้นเป็นการซื้อมาจากสถาบันการเงินต่าง ๆ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อที่อยู่อาศัยในตลาดแรก แล้วนำมารวมกันเพื่อสร้างตราสารทางการเงินที่มีกระแสเงินสดจากสินเชื่อที่อยู่อาศัยหนุนหลังและขายตราสารดังกล่าวให้แก่นักลงทุน อย่างไรก็ตาม ภาวะแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจที่ไม่เอื้ออำนวยเป็นปัจจัยจำกัดศักยภาพการเติบโตของ บตท. เนื่องจากในปัจจุบันธนาคารพาณิชย์ซึ่งมีสภาพคล่องที่เพียงพอและมีฐานะเงินกองทุนที่แข็งแรงเลือกที่จะเก็บพอร์ตสินเชื่อที่อยู่อาศัยเอาไว้เอง นอกจากนี้ สินเชื่อที่อยู่อาศัยยังสร้างผลตอบแทนที่สูงและมีน้ำหนักความเสี่ยงที่ต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับสินเชื่อเพื่อการบริโภคและอุปโภคและสินเชื่อเพื่อการพาณิชย์อื่น ๆ ในปี 2550 และ 2551 บตท. ได้ปรับปรุงขั้นตอนการซื้อสินเชื่อ รวมทั้งปรับโครงสร้างระบบการบริหารงานและพัฒนาระบบงานภายใน ในปลายปี 2550 บตท. ได้แต่งตั้งกรรมการผู้จัดการคนใหม่ รวมทั้งแต่งตั้งผู้จัดการในตำแหน่งสำคัญ ๆ และตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา บตท. ได้พัฒนาระบบสารสนเทศ ระบบบริหารความเสี่ยง และระบบควบคุมภายในเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในระยะยาวด้วย นอกจากนี้ การเพิ่มประสิทธิภาพบุคลากรก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาการให้บริการสินเชื่อและการติดตามตรวจสอบคุณภาพสินเชื่อตามแผนการขยายธุรกิจด้วยเช่นกัน เมื่อเดือนพฤษภาคม 2555 บตท. ได้แต่งตั้งรองกรรมการผู้จัดการให้ขึ้นเป็นกรรมการผู้จัดการคนใหม่หลังจากกรรมการผู้จัดการคนก่อนหมดวาระ ทริสเรทติ้งจึงคาดว่า บตท. จะยังคงดำเนินกิจการต่อไปอย่างราบรื่นเนื่องจากมีความต่อเนื่องของผู้บริหารที่มีบทบาทสำคัญ ในปี 2552 บตท. ร่วมกับสถาบันการเงินพันธมิตร 2-3 แห่งในการให้บริการสินเชื่อที่อยู่อาศัยอัตราดอกเบี้ยคงที่ระยะยาว บตท. วางแผนขยายความร่วมมือกับพันธมิตรปัจจุบัน พร้อมทั้งขยายเครือข่ายพันธมิตรให้เพิ่มมากขึ้น ในปี 2555 บตท. ซื้อสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากโครงการความร่วมมือและโครงการจัดซื้อพอร์ตสินเชื่อจากสถาบันการเงินพันธมิตรได้ทั้งสิ้น 3,256 ล้านบาท ซึ่งได้สร้างยอดสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นเป็น 4,756 ล้านบาทในปี 2555 เพิ่มขึ้นจาก 1,732 ล้านบาทในปี 2554 การเพิ่มขึ้นของสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ส่งผลทำให้ บตท. มีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 329 ล้านบาทในปี 2550 หลังจากที่มีผลขาดทุนสุทธิ 99 ล้านบาทในปี 2549 และ 120 ล้านบาทในปี 2548 ภายหลังจากการตัดจำหน่ายหนี้สูญจำนวน 318 ล้านบาทในปี 2550 แล้ว อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมของ บตท. ก็ลดลงจาก 39.79% ในปี 2549 มาอยู่ที่ระดับ 6.90% ในปี 2550 อัตราส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 8.94% ในปี 2551 และเพิ่มขึ้นมากถึง 18.84% ในปี 2554 อย่างไรก็ดี ในปี 2555 อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมได้ลดลงอย่างรวดเร็วเหลือเพียง 5.57% เป็นผลจากการแก้ไขสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ และการซื้อสินเชื่อที่อยู่อาศัยเข้ามาเป็นจำนวนมาก ในปี 2551 บตท. รายงานผลกำไรสุทธิ 22 ล้านบาทหลังจากขาดทุนติดต่อกันมา 3 ปี และรายงานผลกำไรสุทธิ 26 ล้านบาทในปี 2552 ในขณะที่ในปี 2553 บตท. มีกำไรสุทธิเพียง 0.3 ล้านบาทเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายการหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญตามเกณฑ์มาตรฐานบัญชี IAS39 และการลดลงของรายได้จากการดำเนินงาน ในปี 2554 กำไรสุทธิของ บตท. ฟื้นตัวขึ้นเป็น 4.1 ล้านบาทจากการขยายตัวของสินเชื่อและการมีค่าใช้จ่ายสำหรับรายการหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญเพียง 5 ล้านบาทเท่านั้น สำหรับปี 2555 บตท. มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 9.9 ล้านบาทภายหลังจากซื้อสินเชื่อที่อยู่อาศัยเข้ามาเป็นจำนวนมากและได้รับรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น รวมถึงการแก้ไขสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ส่งผลทำให้ภาระค่าใช้จ่ายสำหรับรายการหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญลดลง ฐานเงินทุนหลักของ บตท. มาจากตั๋วสัญญาใช้เงินระยะสั้น โดยในปี 2555 คิดเป็น 80% ของเงินทุนรวม ในขณะที่ต้นทุนการเงินเฉลี่ยในปี 2555 อยู่ที่ 3.44% เมื่อเทียบกับระดับ 3.64% ในปี 2554 ซึ่งยังถือว่ามีต้นทุนทางการเงินที่อยู่ในระดับสูงกว่าธนาคารพาณิชย์ที่ให้บริการสินเชื่อบ้านในตลาดแรก ปัจจัยดังกล่าวทำให้ บตท. อยู่ในสถานะที่เสียเปรียบในการแข่งขัน ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2555 บตท. ภายใต้ชื่อของ บริษัทนิติบุคคลเฉพาะกิจ บตท. (5) จำกัด ได้ออกพันธบัตรมีประกัน 660 ล้านบาท (MBSB15DA) ซึ่งถือเป็นตราสารทางการเงินที่มีกระแสเงินสดจากสินเชื่อที่อยู่อาศัยหนุนหลัง (Mortgage-backed Securities -- MBS) ตามแผนที่ได้วางไว้ ทั้งนี้ การออกตราสาร MBS ส่งผลบวกต่อ บตท. กล่าวคือช่วยให้ บตท. สามารถทำตามพันธกิจในการพัฒนาตลาดรองสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ช่วยเพิ่มประเภทของตราสารทางการเงินใหม่ ๆ เช่น MBS เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุน และช่วยลดความไม่สมดุลระหว่างโครงสร้างของสินทรัพย์และหนี้สินของ บตท. ในปัจจุบัน บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (SMC) อันดับเครดิตองค์กร: A+ อันดับเครดิตตราสารหนี้: พันธบัตรไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2557 A+ แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ