กรุงเทพฯ--24 มิ.ย.--เดอะ ลีโอ เบอร์เนทท์ กรุ๊ป
เดอะ ลีโอ เบอร์เนทท์ กรุ๊ป ประเทศไทย ชูเทรนด์โลกในงาน ลีโอ เบอร์เนทท์ คานส์ พรีดิคชั่นส์ 2013 (Leo Burnett Cannes Predictions 2013) เผย “ความคิดสร้างสรรค์ที่มาจากความเข้าใจผู้คนในยุคการสื่อสารแห่งโลกปัจจุบันและอนาคต”
เดอะ ลีโอ เบอร์เนทท์ กรุ๊ป ประเทศไทย เดินหน้าสู่ความเป็นผู้นำด้านครีเอทีฟชั้นแนวหน้าของประเทศไทยและในระดับภูมิภาคอาเซียน จัดงาน “ลีโอ เบอร์เนทท์ คานส์ พรีดิคชั่นส์ 2013”ขึ้นเป็นครั้งที่ 17 เมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ โรงภาพยนตร์ เฮาส์ อาร์ ซี เอ โดยใช้ธีม“เฟส เดอะ นิว เฟส ออฟ ไลออน” (Face The New Face of Lion)เพื่อตอบรับกับไอเดียของโลกวันนี้ โลกที่การสร้างสรรค์มาจากความเข้าใจผู้คนในยุคการสื่อสารแห่งโลกปัจจุบันและอนาคต โดยทาง ลีโอ เบอร์เนทท์ สำนักงานใหญ่ที่ชิคาโก ได้จัดรวบรวมโฆษณาและแคมเปญดีๆถึง 35 ชิ้น จากทั่วโลก มาให้ผู้ร่วมงานจากแวดวงต่างๆ ในอุตสาหกรรมการโฆษณา และการสื่อสาร นักการตลาด นิสิต นักศึกษา และสื่อมวลชน ได้รับชมงานดีๆ เพื่อเปิดมุมมองใหม่ และยังมีไฮไลท์ซึ่งยังดึงดูดความสนใจได้เหมือนเดิม คือผู้ร่วมงานจะได้ทดสอบความสามารถในการตัดสินว่า ผลงานชิ้นไหนจะได้รับรางวัลจากงาน คานส์ ไลออนส์ อินเตอร์เนชั่นแนลเฟสติวัล ออฟ ครีเอทิวิตี้ ครั้งที่ 60(60thCannes Lions International Festival of Creativity)ซึ่งปีนี้เป็นปีพิเศษ โดยมีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่เนื่องในวาระครบรอบ 60 ปีของงานประกวดโฆษณาระดับโลก ที่จะจัดขึ้นในช่วงวันที่ 16 - 22 มิถุนายน 2556 ที่เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส
นายสงกรานต์ เศรษฐสมภพ ประธานกรรมการบริหาร เดอะ ลีโอ เบอร์เนทท์ กรุ๊ป ประเทศไทยกล่าวว่า “ความเข้าใจผู้คนเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบัน สังเกตว่าเราใช้คำว่า ‘ผู้คน’ แทนคำว่า ‘ผู้บริโภค’ เพราะผู้คนมีความหมายลึกซึ้งมากกว่า ทุกวันนี้การที่เราทำงานให้กับลูกค้านอกจากจะต้องศึกษากลุ่มเป้าหมายในมุมที่พวกเขาเป็นผู้บริโภคแล้ว เราต้องเข้าใจพวกเขาในมุมของความเป็นผู้คนด้วยแนวคิดนี้จะช่วยทำให้เรามีโอกาสเพิ่มมากขึ้นในการหาไอเดียที่สามารถเข้าถึงจิตใจผู้คนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นการที่จะกระตุ้นให้ผู้คนต้องการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ได้นั้น งานครีเอทีฟในยุคนี้ต้องเปลี่ยนบทบาทให้กลายเป็นเป็นเพื่อนที่รู้ใจกับกับผู้คน คิดและเชื่อในแบบเดียวกัน จึงจะเอาชนะใจผู้คนในยุคนี้ได้ดังนั้นคนในวงการครีเอทิวิตี้ต้องปรับตัวกันขนานใหญ่อีกครั้งนับจากนี้ ต้องเร็ว ต้องแม่น และก้าวไปข้างหน้า เนื่องจากผู้คนเปลี่ยนพฤติกรรมกันบ่อยขึ้นและเร็วขึ้นจากปัจจัยหลาย ๆ อย่าง นอกจากความเข้าใจผู้คนแล้ว จะเห็นได้ว่ารูปแบบงานครีเอทีฟนับจากนี้ไปคือการก้าวเข้าสู่ความไม่มีรูปแบบ (Free Form) อะไรก็เป็นงานครีเอทีฟได้ครีเอทีฟมีส่วนสำคัญในการสร้างแบรนด์ในยุคปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้งานครีเอทีฟเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น การสร้างสรรค์ผลงานในรูปแบบความเป็นโฆษณาจะลดน้อยลง แต่จะมีการสื่อสารผ่านวิธีการและช่องทางใหม่ ๆ โดยมีเทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อน สร้างเรื่องราวให้กับแบรนด์ ทำให้ผู้คนอยากเข้ามามีส่วนร่วมกับแบรนด์นั้น สร้างผลทางบวกให้กับแบรนด์และธุรกิจในระยะยาว
นอกจากบทบาทหลักในการทำให้แบรนด์ขับเคลื่อนไปได้แล้ว วงการครีเอทีฟต้องให้ความสำคัญกับ ไอเดีย คานส์ ฟอร์ กู๊ด (Cannes for Good) ด้วยเช่นกัน เพราะปัจจุบันผู้คนเริ่มให้ความสนใจใคร่รู้ว่าแบรนด์ไหนทำอะไรที่ดีให้กับโลกนี้หรือสังคมบ้าง นอกเหนือจากคุณภาพสินค้าและบริการที่มาขายให้กับพวกเขาเรื่องนี้สำคัญมากเพราะนี่คือเทรนด์ใหม่ที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ถือเป็นพฤติกรรมของผู้คนที่เราต้องเข้าใจด้วย ผู้คนเข้าใจอยู่แล้วว่าแบรนด์ทุกแบรนด์ทำธุรกิจต้องการขายสินค้า ต้องการเงิน แต่การจะทำธุรกิจเพื่อผลกำไรอย่างเดียวคงจะทำไม่ได้อีกแล้ว เพราะผู้คนในสมัยนี้ให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของสังคมมากขึ้น สนใจในสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของการอยู่ร่วมกันมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน ดังนั้นแบรนด์แต่ละแบรนด์ก็ต้องทำตัวให้เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนและที่สำคัญต้องทำจริง เกิดผลจริง ๆ ไม่ใช่แค่พูดสร้างภาพ นี่คือที่มาของ คานส์ ฟอร์ กู๊ด”
นายสมพัฒน์ ทฤษฎิคุณ ประธานบริหารฝ่ายสร้างสรรค์ เดอะ ลีโอ เบอร์เนทท์ กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวถึงแนวคิดการจัดงาน “Inspiring Creativity for 60 Years” คือหัวข้อของคานส์ ไลออนส์ อินเตอร์เนชั่นแนลเฟสติวัล ออฟ ครีเอทิวิตี้ ซึ่งเป็นการครบรอบปีที่ 60 แต่ไม่แก่ตามอายุวันนี้โฉมใหม่ของ คานส์ ไลออนส์ก็เปลี่ยนไปมากเริ่มจากการเป็นงานประกวดภาพยนตร์โฆษณาสู่การเป็นการประกวดความคิดสร้างสรรค์ในทุกรูปแบบและยังเป็นงานสัมนาเผยแพร่ความคิดและวิธีการใหม่ๆเป็นงานที่ผู้คนจะมาเพื่อให้แรงบันดาลใจและมาเพื่อจะหาไอเดียจากสิ่งใหม่ๆแล้วปีนี้เป็นปีที่พิเศษมากเพราะกรรมการตัดสินล้วนเป็นสุดยอดนักโฆษณาระดับตำนานมารวมกันเป็นประธานตัดสินในแต่ละหมวด”
นายสมพัฒน์ กล่าวถึงแคมเปญตัวอย่างที่มีชื่อว่า“จีพีเอส ทู เก็ท ลอสต์ (GPS To Get Lost)โดย ลีโอ เบอร์เนทท์ ประเทศ อาร์เจนติน่า เป็นแคมเปญของแอพพลิเคชั่นในรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ของจิ๊ป จากค่ายไครสเลอร์ (Chrysler Jeep 4x4) ยอดการซื้อรถประเภทนี้มีอยู่มากพอสมควร แต่ผู้ใช้รถก็ใช้รถบนถนนเพียงแค่ที่อยู่ในตัวเมือง แต่จิ๊ปต้องการให้ผู้ใช้รถประเภทนี้ได้สัมผัสสมรรถนะที่แท้จริงของจิ๊ป โฟร์วีลไดรฟ์ และต้องการให้พวกเขามีโอกาสได้ไปในที่ที่คนอื่นไม่เคยไป จึงออกแอพพลิเคชั่นดังกล่าวและสามารถติดตั้งได้จริงกับรถจิ๊ป สำหรับคนที่ต้องการหลีกหนีความจำเจบนถนนที่คุ้นเคย โหยหาการผจญภัยและประสบการณ์ที่ตื่นเต้น โดยจีพีเอสจะพาไปในที่ไม่มีใครรู้จัก ไปในที่ที่เราเองก็ไม่รู้ว่ามันคือที่ไหน หลงทางแต่ทำให้เรามีความสุข ความน่าสนใจของงานนี้ก็คือการเข้าใจคนขับรถประเภทนี้อย่างลึกซึ้ง คือการเป็นคนเมืองที่อยากหนีไปที่ไหนซักที่ งานนี้ไม่ใช่งานโฆษณาด้วยซ้ำ แต่เป็นการสร้างเครื่องมือที่ช่วยให้เกิดการสร้างแบรนด์การรับรู้แบรนด์จะกลับมาที่ความเป็นจิ๊ปคือการเป็นรถลักซ์ชัวรีโฟร์วีลไดรฟ์ที่พาคุณลุยไปที่ไหนก็ได้”
“อีกหนึ่งแคมเปญที่น่าสนใจมากก็คือมาย บลัด อิส เรด แอนด์ แบล็ค (My Blood is Red and Black) โดย ลีโอ เบอร์เนทท์ประเทศบราซิล เป็นแคมเปญที่มีไอเดียแปลกใหม่ โดยเป็นการร่วมมือกันระหว่างศูนย์รับบริจาคเลือดของประเทศบราซิล กับทีมฟุตบอลวิตอเรียแห่ง เมืองซัลวาดอร์ รัฐบาเฮีย ประเทศบราซิล เนื่องจากในบาเฮียไม่มีผู้บริจาคเลือดมากพอ และปริมาณเลือดที่มีในธนาคารเลือดจึงไม่เพียงพอต่อความต้องการ จากการสำรวจได้รับข้อสรุปว่าผู้คนจะบริจาคเลือดให้กับคนที่เขารัก อย่างที่ทราบกันว่าชาวบราซิลชื่นชอบฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ ดังนั้นจึงมีการร่วมมือกับทีมวิตอเรีย ทีมฟุตบอลที่มีชื่อเสียงของซัลวาดอร์ โดยการเอาสีแดงซึ่งเป็นหนึ่งในสีหลักของเสื้อทีม คือ แดง — ดำ ออกจากเสื้อทีม กลายเป็นเสื้อลายทางสีขาว - ดำ ทำให้เหล่าแฟนฟุตบอลตื่นตระหนกกับสื้อของทีมโปรดที่เปลี่ยนไป เรื่องราวที่เกิดขึ้นกลายเป็นข่าวใหญ่ในประเทศบราซิล จนนำไปสู่การบริจาคเลือดมากมายทุกเกมส์เพื่อให้สีเสื้อกลับมา เมื่อศูนย์รับบริจาคเลือดได้รับเลือดในปริมาณที่เพียงพอแถบสีแดงของเสื้อทีมวิตอเรียจะเพิ่มขึ้นตามลำดับจนเต็มตัวเสื้อเหมือนเช่นเดิม ผลคือแคมเปญนี้ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม ยอดคนบริจาคเลือดเพิ่มขึ้นถึง 46 % ภายในเวลาเพียง 2 เดือน ธนาคารเลือดได้ปริมาณเลือดเพียงพอและเหล่าแฟนๆ ก็ได้เสื้อทีมกลับคืนมาสังเกตได้ว่างาน 2 งานนี้ไม่ได้มีรูปแบบที่เป็นการโฆษณาเพื่อการค้า แต่เป็นการสร้างสรรค์งานคอมมิวนิเคชั่นที่เข้าถึงใจผู้คนอย่างลึกซึ้ง และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในตัวผู้บริโภคทั้งด้านความคิดและพฤติกรรมอย่างชัดเจน ตัวอย่างเหล่านี้คืองานสร้างสรรค์รูปแบบใหม่ซึ่งเป็นเทรนด์ของโลกและไม่ได้มีเป้าหมายเพียงแค่ยอดขาย แต่ะสิ่งสำคัญที่สุด คือทำให้ผู้คนจดจำและรักแบรนด์นั้นๆ อย่างลึกซึ้ง” คุณสมพัฒน์กล่าว
ในงานได้รับเกียรติจากเหล่านักแสดงและศิลปินนักดนตรี อาทิ ตู่ - ภพธร สุนทรญาณกิจ, ป๊อก —วรรณฤต พงศ์ประยูร และ จูน — ยุทธนา กะลัมพะเหติ วง Stylish Nonsense, โย่ง — อนุสรณ์ มณีเทศ, ก้อย — วลัยลักษณ์ มุสิกโปฎก, เท็ดดี้ แกสตัน วงFlure, พิตต้า ณ พัทลุง ตลอดจนเหล่าเซเลบริตี้ อาทิภาณุ อิงคะวัต, จิตต์สิงห์ สมบุญ, วิชชุกร โชคดีทวีอนันต์,พิมพิศา จิราธิวัฒน์, สุขสินี พลกุล, ภัทร พลกุล, ปิทธิพงศ์ มาลากุล ณ อยุธยา และช่างภาพชั้นนำ อาทิ อิศรา บูรณะสมภพ, พิทยา มารยาท รวมถึงคนในแวดวงสังคมอีกมากมาย
การจัดงาน ลีโอ เบอร์เนทท์ คานส์ พรีดิคชั่นส์ 2013ของ เดอะ ลีโอ เบอร์เนทท์ กรุ๊ป ประเทศไทย ในครั้งนี้เพื่อตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำของอุตสาหกรรมโฆษณา และเผยให้เห็นว่า ลีโอ เบอร์เนทท์ ก้าวไปอีกขั้นและประสบความสำเร็จในการนำเอาฮิวแมนคายด์มาเป็นเครื่องมือในการสร้างสรรค์ผลงานที่เข้าใจผู้คนในยุคการสื่อสารแห่งโลกปัจจุบันและอนาคตอย่างแท้จริง