บีโอไอเริ่มให้บริการด้านการลงทุนที่มุมไบ ชู 2 กลยุทธ์ดึงดูดทุนอินเดีย และหนุนไทยบุกไปลงทุน

ข่าวเศรษฐกิจ Monday June 24, 2013 17:07 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--24 มิ.ย.--บีโอไอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมนำคณะเยือนเมืองมุมไบ สาธารณรัฐอินเดีย พร้อมร่วมเปิดสำนักงานฯให้บริการด้านการลงทุนแห่งใหม่ เพื่อสร้างความร่วมมือนักธุรกิจไทย-อินเดีย วางแผนจัดตั้ง “ India-Thailand Business Forum” ผลักดันความร่วมมือภาคเอกชน 2 ประเทศ ด้าน เลขาธิการบีโอไอ เล็งใช้กลยุทธ์เชิงรุก หวังชักจูงกลุ่มทุนอินเดียลงทุนในไทย และกระตุ้นนักลงทุนไทยขยายโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนในอินเดีย นายประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 25-27 มิถุนายน 2556 จะนำคณะผู้บริหารของกระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) พร้อมคณะนักธุรกิจไทย เดินทางไปจัดกิจกรรมชักจูงการลงทุนและในวันพุธที่ 26 มิถุนายน 2556 มีกำหนดจะร่วมพิธีเปิดการให้บริการนักลงทุนอย่างเป็นทางการของสำนักงานมุมไบ สาธารณรัฐอินเดีย นับเป็นสำนักงานต่างประเทศลำดับที่ 14 ของบีโอไอ โดยจะเป็นศูนย์กลางความร่วมมือทางด้านการส่งเสริมการลงทุนในเชิงรุก รวมถึงช่วยอำนวยความสะดวกและให้ข้อมูลที่สำคัญแก่นักลงทุนจากทั้งไทยและอินเดียเพื่อใช้ในการประกอบกิจการและพิจารณาตัดสินใจลงทุนในอนาคต ทั้งนี้กิจกรรมสำคัญในวันดังกล่าว บีโอไอกำหนดให้มีการจัดสัมมนา หัวข้อ “Thailand-India Investment Cooperation” โดยเป็นการบรรยายสรุปโอกาสการลงทุนของไทยและอินเดีย จากเลขาธิการ บีโอไอ รวมถึงการเปิดให้มีเวทีเสวนาของตัวแทนภาคเอกชนของทั้ง 2 ประเทศ อาทิ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประธานสภาธุรกิจไทย-อินเดีย และประธาน สมาพันธ์สภาหอการค้าและอุตสาหกรรมของอินเดีย ในหัวข้อ “ทิศทางการลงทุนและความร่วมมือการลงทุนภาคอุตสาหกรรมระหว่างไทย-อินเดีย” นอกจากนี้หน่วยงานภาครัฐของไทยและอินเดีย รวมถึงตัวแทนภาคเอกชนของ 2 ประเทศ จะใช้โอกาสนี้ ประชุมหารือเรื่องการจัดตั้ง India-Thailand Business Forum เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนระหว่างกันต่อไป ด้านนายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ กล่าวว่า อินเดียเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศเป้าหมายของการส่งเสริมการลงทุน ตามยุทธศาสตร์เชิงรุกใหม่ของบีโอไอ จากความพร้อมทั้งด้านเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่อันดับ 10 ของโลกและเป็นอันดับ 3 ในเอเชียรองจากจีนและญี่ปุ่น รวมถึงมีตลาดขนาดใหญ่จากจำนวนประชากรถึง 1,200 ล้านคน โดยประเทศอินเดียมีผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในอุตสาหกรรมต่างๆ จำนวนมากที่ สอดคล้องกับเป้าหมายของการชักจูงให้เกิดการลงทุนในประเทศไทย อาทิ ยานยนต์และชิ้นส่วน ซอฟต์แวร์ เคมีภัณฑ์ และยา ขณะเดียวกันยังมีความพร้อมเป็นแหล่งรองรับการลงทุนจากไทยในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น เกษตรและเกษตรแปรรูป ชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ก่อสร้าง กิจการพลังงาน อสังหาริมทรัพย์และโรงแรม “มั่นใจว่าการเริ่มให้บริการที่สำนักงานแห่งนี้ จะมีส่วนช่วยผลักดันให้เกิดการลงทุนระหว่าง 2 ประเทศเพิ่มขึ้นอีกมาก โดยส่งเสริมให้นักธุรกิจไทยที่มีศักยภาพเข้ามาลงทุนในอินเดีย เพื่อรองรับความต้องการของตลาดอินเดียที่มีขนาดใหญ่ รวมถึงมีโอกาสสำหรับการเข้าไปขยายตลาดในประเทศใกล้เคียงได้เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็สามารถชักจูงนักลงทุนของอินเดียในอุตสาหกรรมเป้าหมายให้มาลงทุนในไทยได้อีกด้วย” นายอุดม กล่าว ตั้งแต่ปี 2550-2555 มีโครงการลงทุนจากประเทศอินเดียที่ได้รับอนุมัติให้การเสริมการลงทุนในประเทศแล้วรวมทั้งสิ้น 114 โครงการ มูลค่ารวม 30,203 ล้านบาท มีกิจการขนาดใหญ่ อาทิ อดิตยา เบอร์ล่า เคมีคัลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผลิตเส้นใยเรยอน บริษัทอพอลโล ไทร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ผลิตยางเรเดียลสำหรับยานพาหนะ บริษัทเอ็น.ที.เอส.สตีลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผลิตเหล็กขั้นต้น (น้ำเหล็กและเหล็กถลุง) เหล็กขั้นกลาง (STEEL BILLET) และเหล็กขั้นปลาย (เหล็กลวด) บริษัท Polyplex ผลิต PET Resin และ Polyester film บริษัทอินโดรามา โฮลดิ้งส์ จำกัด ผลิตเส้นด้ายขนสัตว์ บริษัทบาห์รัต โฮเต็ลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กิจการโรงแรม บริษัททาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ผลิตรถกระบะ เป็นต้น สำหรับบริษัทขนาดใหญ่ของไทยที่เข้าไปดำเนินธุรกิจในประเทศอินเดียจนประสบผลสำเร็จแล้ว อาทิ บริษัทอิตาเลียนไทย เดเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ทำธุรกิจก่อสร้างและสาธารณูปโภค บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ทำธุรกิจเกษตรและอาหาร บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) จำหน่ายซีเมนต์ และวัสดุก่อสร้าง บริษัท แพรนด้า จำกัด (มหาชน) ผลิตอัญมณีและเครื่องประดับ บริษัท ไทยซัมมิท โอโตพาร์ท อินดัสตรี จำกัด (มหาชน) ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ทำธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ภายหลังจากการเริ่มให้บริการด้านการลงทุนที่สำนักงานมุมไบ จะทำให้บีโอไอมีสำนักงานต่างประเทศรวม 14 แห่ง ใน 10 ประเทศ ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว ไทเป โตเกียว โอซาก้า โซล ซิดนีย์ ปารีส สต็อกโฮม แฟรงคต์เฟิร์ต นิวยอร์ค ลอสแองเจรีส และมุมไบ โดยสำนักงานแห่งนี้ มีนางสาวกนกพร โชติปาล เป็นผู้อำนวยการฯ สำนักงานตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 สถานกงสุลใหญ่ ณ นครมุมไบ หมายเลข (91 22) 2204 1589-90 Email : mumbai@boi.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ