กรุงเทพฯ--25 มิ.ย.--บลจ.กรุงศรี
บลจ.กรุงศรี เผยจำนวนลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นสูงถึง 21.58% และยอดเงินลงทุนในกองทุนหุ้นเพิ่มขึ้น 17.10% แนะลูกค้าทยอยลงทุนในกองทุน LTF - RMF
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด (บลจ.กรุงศรี)เปิดเผยว่า “บริษัทยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางของตลาดหุ้นไทยในระยะยาว และเชื่อมั่นว่าการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ณ ระดับราคาในปัจจุบันยังมีความน่าสนใจ เนื่องจากจากเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ดี ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนฯเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในระยะสั้นตลาดหุ้นไทยจะมีความผันผวนจากปัจจัยภายนอกประเทศที่เข้ามากระทบอยู่บ้าง เช่น การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯจะเริ่มลดขนาดการอัดฉีดสภาพคล่องลง ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกมีแรงเทขายออกมามาก โดยนักลงทุนต่างชาติมีการขายหุ้นไทยไปแล้วกว่า 4.2 หมื่นล้านบาทตั้งแต่ช่วงต้นปีจนถึงต้นเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่นักลงทุนต่างชาติจะขายทำกำไร เนื่องจากตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2555 เป็นระยะเวลาประมาณ 10 เดือน และการที่ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในช่วงปลายเดือนพ.ค.”
“อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อมั่นว่าตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาค และแนะนำให้นักลงทุนจัดพอร์ตการลงทุนให้เหมาะกับความเสี่ยงที่ตนเองสามารถรับได้ โดยอาจจัดสรรเงินลงทุนบางส่วนมาลงทุนในตลาดหุ้นไทย เนื่องจากจังหวะนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวเพราะพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่ง อีกทั้งดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยได้ปรับลดลงมาแล้วกว่า 200 จุด หรือลดลงถึง 16 — 17% นับจากจุดสูงสุดที่ 1,650 จุด และตลาดมีแนวโน้มที่จะความผันผวนต่ออีก 1 — 3 เดือน โดยหลังจากที่มีความชัดเจนของการดำเนินการลดสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐ และการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนของไทยในไตรมาสที่ 2/2556 แล้ว ตลาดจะกลับมามองปัจจัยพื้นฐานระยะยาวมากขึ้นและมีโอกาสที่เงินลงทุนจากต่างประเทศจะกลับเข้ามาที่ตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง”
“สำหรับการลงทุนในกองทุน LTF และ RMF เพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี เป็นการลงทุนระยะยาวที่ผู้ลงทุนควรทยอยลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (Dollar Cost Average :DCA) โดยไม่ต้องรอซื้อในช่วงที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ลดลงต่ำสุด เพราะการคาดการณ์ว่าจุดใดเป็นจุดที่ดัชนีต่ำสุดนั้นทำได้ยาก อย่างไรก็ตามผู้ลงทุนควรให้ความสำคัญกับวัตถุประสงค์ในการลงทุน นโยบายการลงทุนและความเสี่ยงที่ตนสามารถรับได้ รวมถึงพิจารณาผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของกองทุน โดยกองทุนที่ดีควรมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างสม่ำเสมอ”
“ช่วงที่ตลาดหุ้นมีความผันผวน ปรากฎว่ามีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในกองทุนภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของกองทุนหุ้น กองทุนLTF และกองทุน RMFที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น โดยมีจำนวนลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นสูงถึง 21.58% และมีเม็ดเงินลงทุนเพิ่มสูงขึ้น 17.10% จากไตรมาสแรกของปี 2556 (ข้อมูล ณ 21 มิ.ย. 56) สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและความไว้วางใจที่ผู้ลงทุนมอบให้กับบริษัท โดยกองทุนที่ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นปันผล (KFSDIV) กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล (KFLTFDIV) และกองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นปันผลเพื่อการเลี้ยงชีพ(KFDIVRMF) ซึ่งมีผลตอบแทนย้อนหลังที่สูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ทั้งในส่วนของผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี 3 ปี และ 5 ปี”
“กองทุนหุ้นทุกกองของ บลจ.กรุงศรี มีการบริหารแบบแอคทีฟใช้การวิเคราะห์เจาะลึกเพื่อหามูลค่าแท้จริงของหลักทรัพย์และการให้น้ำหนักการลงทุนอย่างเหมาะสมแต่ไม่ใช่แอคทีฟในเชิงของการซื้อขาย มีการปรับพอร์ตตามความเหมาะสม เน้นลงทุนในกิจการที่มีความมั่นคงและในขณะเดียวกันก็ต้องสร้างความมั่งคั่งด้วยผลกำไรที่ดี โดยผลกำไรดังกล่าวต้องไม่ใช่การเติบโตแบบฉาบฉวยแต่ต้องเป็นการเติบโตอยางยั่งยืน ทั้งนี้ บลจ.กรุงศรี จะมุ่งมั่นรักษามาตรฐานการจัดการเพื่อสร้างโอกาสของการรับผลตอบแทนที่ดีภายใต้ความเสี่ยงที่เหมาะสมให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนเป็นสำคัญ” นายฉัตรพี กล่าว
ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 6 เดือน 1ปี 3ปี และ5ปี จัดทำขึ้นตามมาตรฐานการวัดผลการดำเนินงานของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน
การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและคู่มือภาษีให้เข้าใจก่อนการตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต