กรุงเทพฯ--26 มิ.ย.--ทริสเรทติ้ง
ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 2,400 ล้านบาทของ บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด ที่ระดับ “A+” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัทที่ระดับ “A+” เช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระหนี้เดิม อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทในอุตสาหกรรมน้ำตาลในภูมิภาค ตลอดจนแบรนด์สินค้าที่มีชื่อเสียง กระบวนการผลิตน้ำตาลที่มีประสิทธิภาพ และการขยายกิจการสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำตาล นอกจากนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความเสี่ยงด้านกฎระเบียบและการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ รวมถึงความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำตาลและปริมาณผลผลิตอ้อยด้วย ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่ากลุ่มมิตรผลจะยังคงดำรงสถานะผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลทั้งในประเทศไทยและจีนต่อไป ด้วยประสบการณ์อันยาวนานในธุรกิจน้ำตาลและการดำเนินงานของธุรกิจเอทานอลและธุรกิจไฟฟ้าที่ดีขึ้นน่าจะช่วยให้บริษัทสามารถประคองตัวอยู่ได้ในช่วงที่ราคาน้ำตาลในตลาดโลกอยู่ในระดับต่ำ
บริษัทน้ำตาลมิตรผลก่อตั้งในปี 2489 โดยตระกูลว่องกุศลกิจ ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้นำในธุรกิจอ้อยและน้ำตาลของไทยซึ่งมีตระกูลว่องกุศลกิจถือหุ้นเต็ม 100% โดยถือหุ้นผ่าน บริษัท น้ำตาลมิตรสยาม จำกัด บริษัทน้ำตาลมิตรผลมีโรงงานน้ำตาลในประเทศไทย จีน ลาว และออสเตรเลีย โดยในปีการผลิต 2555/2556 กลุ่มมิตรผลมีผลผลิตน้ำตาลรวมทั้งสิ้น 4.0 ล้านตัน
บริษัทเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลในประเทศไทยมาอย่างยาวนานโดยเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ที่สุดในประเทศ ในฤดูการผลิต 2555/2556 กลุ่มมิตรผลผลิตน้ำตาลที่ 2.00 ล้านตัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 19.9% ของปริมาณน้ำตาลทั้งประเทศ ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นจาก 19.1% ในปีก่อนเนื่องจากโครงการส่วนขยายที่จังหวัดเลยเริ่มดำเนินงาน ผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่รองลงมาคือกลุ่มไทยรุ่งเรือง (16.3%) กลุ่มไทยเอกลักษณ์ (9.3%) กลุ่มน้ำตาลขอนแก่น (7.4%) และกลุ่มวังขนาย (6.6%) ประสิทธิภาพในการผลิตน้ำตาลของบริษัทอยู่ที่ระดับ 105.9 กิโลกรัม (กก.) ต่อตันอ้อยนับว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 100.28 กก. ต่อตันอ้อย
บริษัทยังเป็นเจ้าของและบริหารโรงงานน้ำตาล 7 แห่งในประเทศจีนโดยมีผลผลิตน้ำตาล 1.14 ล้านตันในปีการผลิต 2555/2556 ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาด 9.0% ซึ่งถือเป็นผู้ผลิตรายใหญ่อันดับ 2 ในประเทศจีน โดยมีประสิทธิภาพในการผลิตน้ำตาลที่ระดับ 123.2 กก. ต่อตันอ้อยในฤดูการผลิต 2555/2556 โรงงานน้ำตาลที่ประเทศลาวของบริษัทผลิตน้ำตาล 0.34 ล้านตันในฤดูการผลิต 2555/2556 ส่วนโรงงานน้ำตาลในออสเตรเลีย MSF อยู่ระหว่างการหีบอ้อยสำหรับฤดูการผลิตปี 2555/2556 แต่ที่ผ่านมา MSF ผลิตน้ำตาลได้ 0.5 ล้านตันในฤดูการผลิตปี 2554/2555
ในปี 2555 บริษัทมีรายได้รวม 89,572 ล้านบาท และมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายรวม (EBITDA) 15,581 ล้านบาท กำไรจากธุรกิจน้ำตาลมีสัดส่วนสูงที่สุดคิดเป็น 67% ของ EBITDA โดยกำไรของธุรกิจน้ำตาลในจีนมีสัดส่วน 37% ของ EBITDA รวม ในขณะที่กำไรของธุรกิจน้ำตาลในประเทศไทยคิดเป็นสัดส่วน 28% ของ EBITDA รวม ธุรกิจน้ำตาลในประเทศลาวและออสเตรเลียยังให้ผลกำไรไม่มาก โดยธุรกิจน้ำตาลในประเทศลาวมี EBITDA เพียง 416 ล้านบาทในปี 2555 ส่วน MSF มี EBITDA เพียง 64 ล้านบาทในปี 2555
นอกเหนือจากธุรกิจน้ำตาลแล้ว บริษัทยังขยายการลงทุนไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอ้อยและน้ำตาลเพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจากอ้อยด้วย อาทิ ธุรกิจผลิตไฟฟ้า ธุรกิจผลิตเอทานอล ธุรกิจวัสดุทดแทนไม้ ธุรกิจผลิตกระดาษ และธุรกิจโลจิสติกส์ ณ เดือนมีนาคม 2556 โรงงานผลิตเอทานอลของบริษัทในประเทศไทยมีกำลังการผลิตที่ 690,000 ลิตรต่อวัน บริษัทยังเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 322 เมกะวัตต์ด้วย EBITDA จากธุรกิจเอทานอลและไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาโดย EBITDA เพิ่มขึ้นเป็น 4,833 ล้านบาทในปี 2555 จาก 2,425 ล้านบาทในปี 2551 โดย EBITDA จากธุรกิจเอทานอลและไฟฟ้าคิดเป็นสัดส่วน 31% ของ EBITDA รวมของบริษัทในปี 2555
รายได้รวมของบริษัทยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2556 โดยบริษัทมีรายได้รวมเท่ากับ 23,532 ล้านบาทในช่วงดังกล่าว เพิ่มขึ้น 3.0% จาก 22,845 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2555 อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจน้ำตาลทั้งในประเทศไทยและจีนลดลงเนื่องจากราคาขายน้ำตาลลดลง ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทปรับตัวลงเป็น 25.0% ใน 3 เดือนแรกของปี 2556 จาก 33.1% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ทรงตัวที่ระดับ 28.4% ใน 3 เดือนแรกของปี 2556 เทียบกับ 28.7% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2556 บริษัทมีกำไรจากสัญญาขายน้ำตาลล่วงหน้าจำนวน 1,437 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 141 ล้านบาท อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ระดับ 13.6 เท่าและอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมยังอยู่ระดับที่ดีที่ 7.0% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2556 เนื่องจากกำไรจากสัญญาขายน้ำตาลล่วงหน้า โครงสร้างการก่อหนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ระดับปานกลาง อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 47.0% ณ เดือนธันวาคม 2555 อัตราส่วนเงินกู้ดังกล่าวเพิ่มขึ้นตามฤดูกาลเป็น 53.2% ณ เดือนมีนาคม 2556 เนื่องจากความต้องการเงินทุนหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูกาลการผลิต บริษัทมีแผนการขยายธุรกิจโดยใช้เงินลงทุนจำนวนรวม 13,500 ล้านบาทในปี 2556-2557 จากประมาณการ EBITDA ที่ระดับ 17,000 ล้านบาทต่อปี คาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะยังอยู่ในระดับปานกลางในระยะ 2 ปีข้างหน้า
ปริมาณผลผลิตอ้อยและราคาน้ำตาลในตลาดโลกมีความผันผวนเป็นอย่างมาก ในปีการผลิต 2555/2556 ปริมาณผลผลิตอ้อยของไทยอยู่ที่ระดับ 100 ล้านตันอ้อย ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 98 ล้านตันในปีการผลิต 2554/2555 อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพในการผลิตน้ำตาลต่อตันอ้อยในอุตสาหกรรมลดลงจาก 104.6 กิโลกรัมต่อตันอ้อยเป็น 100.3 กิโลกรัมต่อตันอ้อยเนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ประสิทธิภาพในการผลิตน้ำตาลต่อตันอ้อยทำให้ผลผลิตน้ำตาลลดลงเป็น 100ล้านตันในปีการผลิต 2555/2556 จาก 103 ล้านตันในปีการผลิต 2554/2555 นอกจากนี้ ราคาน้ำตาลทรายดิบในตลาดโลกยังปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ทำสถิติสูงสุดที่ 36.11 เซนต์/ปอนด์ในเดือนมกราคม 2554 ราคาน้ำตาลทรายดิบเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 16 เซนต์ต่อปอนด์ในเดือนพฤษภาคม 2556 เนื่องจากผลผลิตของผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ระบบแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างชาวไร่และโรงงานในสัดส่วน 70:30 ที่ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำตาลของไทยจะช่วยให้ความสามารถในการทำกำไรอยู่ระดับที่น่าพอใจแม้ว่าราคาน้ำตาลจะลดลง
บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (MPSC)
อันดับเครดิตองค์กร: A+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
MPSC136A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 A+
MPSC136B: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 100 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 A+
MPSC13DB: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 A+
MPSC145A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 A+
MPSC146A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 A+
MPSC14OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 A+
MPSC155B: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 A+
MPSC156A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 A+
MPSC15OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 A+
MPSC165A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A+
MPSC16OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A+
MPSC175A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A+
MPSC185A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A+
MPSC20OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A+
MPSC21OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A+
MPSC22OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A+
MPSC233A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A+
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 2,400 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2568 A+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable