กรุงเทพฯ--28 มิ.ย.--พม.
วันนี้ (๒๘ มิ.ย.๕๖) เวลา ๑๔.๐๐ น. นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานงานแถลงข่าวการประกวดสื่อสิทธิเด็กอาเซียน หัวข้อ “สังคมอาเซียนที่เป็นมิตรกับเด็กและเยาวชน (Child and Youth Friendly ASEAN)” ณ ศูนย์การเรียนรู้อเนกประสงค์ อุทยานการเรียนรู้ TK park อาคารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น ๘ กรุงเทพฯ
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนจะทำให้เกิดความสัมพันธ์ด้านธุรกิจการค้า การลงทุน การศึกษา การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การท่องเที่ยว ทำให้ทุกประเทศในอาเซียนต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งถือเป็นพื้นฐานสำคัญ ของประชาคมอาเซียน เพราะการพัฒนาไม่ว่าจะเป็นการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม จำเป็นต้องอาศัยคน ของประชาคมอาเซียนที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและเยาวชน คือ หัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนความเจริญก้าวหน้า ของประชาคมอาเซียนที่เข้มแข็ง ต้องพัฒนาศักยภาพให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง แข่งขันได้บนรากฐานของคุณธรรมและความเท่าเทียม โดยต้องมีการเตรียมความพร้อมดังนี้ ๑) การพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชน ต้องพัฒนาศักยภาพให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง แข่งขันได้ บนรากฐานของคุณธรรมและความเท่าเทียม ทั้งด้านการศึกษา ด้านทักษะ และด้านทัศนคติ และ ๒) การสร้างสังคมที่เป็นมิตรกับเด็กและเยาวชน นอกจากการพัฒนาศักยภาพที่ตัวเด็กและเยาวชนเองแล้ว ต้องมีการจัดการ กับผลกระทบทางสังคมที่เกิดจากการรวมตัวทางเศรษฐกิจ การเมืองและความมั่นคง อาทิ ๑. จำนวนเด็กที่โยกย้ายถิ่นฐานตามพ่อแม่มา หรือมาโดยลำพังจะมีมากขึ้น ซึ่งมีโอกาสได้รับการพัฒนาศักยภาพและเข้าถึงบริการต่างๆ จากรัฐ ๒. ส่งเสริมให้บุคคลแวดล้อมเด็ก เช่น พ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู ผู้ดูแลเด็กปฐมวัย และผู้ทำงานด้านเด็ก ได้รับการพัฒนาศักยภาพในการเลี้ยงดูเด็กโดยไม่ใช้ความรุนแรง ส่งเสริมความเข้มแข็งของครอบครัว และ ๓. ส?งเสริมให้ชุมชนมีการจัดสวัสดิการสําหรับเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กกลุ่มเสี่ยงหรือเด็กที่ได้รับผลกระทบจากการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เป็นต้น
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการประกวดสื่อสิทธิเด็ก ครั้งนี้ เป็นกิจกรรมภายใต้การประชุมเด็กอาเซียน ซึ่งอาเซียนกำหนดจัดทุกๆ ๒ ปี โดยเวียนกันเป็นเจ้าภาพ ครั้งที่ ๑ จัดเมื่อปี ๒๕๕๓ โดยประเทศฟิลิปปินส์เป็นเจ้าภาพ มุ่งเน้นการสร้างช่องทางการสื่อสารระหว่างเด็กในประเทศอาเซียนผ่านเว็บไซต์การประชุมเด็กอาเซียน ครั้งที่ ๒ จัดเมื่อปี ๒๕๕๕ โดยประเทศสิงคโปร์เป็นเจ้าภาพ มุ่งเน้นการพัฒนาเด็กได้คิด กล้าแสดงออก และทักษะความเป็นผู้นำและการทำงานเป็นทีม และครั้งที่ ๓ จะดำเนินการจัดขึ้นที่ประเทศไทยในช่วงเดือนมกราคม ๒๕๕๗ เพื่อเป็นการกระตุ้นทุกภาคส่วนต่อการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน จึงกำหนดหัวข้อการประชุมว่า “สังคมอาเซียนที่เป็นมิตรกับเด็กและเยาวชน” หรือ “Child and Youth Friendly ASEAN” ส่วนการดำเนินการเพื่อเตรียมความพร้อมการจัดประชุม แบ่งเป็น ๒ ระยะ คือ ระยะที่ ๑ กิจกรรมการประกวดสื่อสิทธิเด็กอาเซียน เป็นการเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนในประเทศอาเซียน ได้ผลิตสื่อวิดีทัศน์ในหัวข้อสังคมอาเซียน ที่เป็นมิตรกับเด็กและเยาวชน ซึ่งจะทำให้เห็นถึงการสะท้อนมุมมอง แนวคิด และข้อเสนอแนะของเด็กๆ เกี่ยวกับสถานการณ์เด็กและเยาวชน สำหรับสื่อวิดีทัศน์ที่ส่งเข้าประกวดทั้งหมด รัฐบาลไทยจะมีการนำส่งให้กับประเทศอาเซียน สำหรับเป็นข้อมูลสำหรับการพัฒนาและคุ้มครองเด็กและเยาวชนในอาเซียน รวมทั้งเผยแพร่ผ่านช่องทางอินเตอร์เน็ต เพื่อให้สังคมเกิดความตระหนัก ต่อความสำคัญของเด็กและเยาวชนในอาเซียน ร่วมกันสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ปลูกฝัง บ่มเพาะให้เด็กและเยาวชนสามารถเป็นผู้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนสังคมอาเซียนได้อย่างมีคุณภาพ และ ระยะที่ ๒ การประชุมเด็กอาเซียน ครั้งที่ ๓
ประเทศไทยกำหนดเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในช่วงเดือนมกราคม ๒๕๕๗ มีผู้แทนเด็กจากประเทศอาเซียน และจีน ญี่ปุ่น เกาหลี เดินทางมาเข้าร่วมประชุมที่ประเทศไทย โดยกิจกรรมนี้มุ่งหวังพัฒนาศักยภาพเด็กในการใช้สื่อเพื่อการพัฒนา รู้เท่าทันสื่อและรู้จักใช้สื่อให้เป็นประโยชน์ ในการสร้างสังคมอาเซียนที่เป็นมิตรกับเด็กและเยาวชน นอกจากนี้ จะมีการมอบรางวัล “Voices of Children and Youth ASEAN” แก่ผู้ชนะการประกวดสื่อสิทธิเด็กในแต่ละประเทศ และผู้ชนะเลิศในระดับอาเซียน
“ รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการ รับฟังเสียงเด็กและเยาวชน อย่างจริงจังและจริงใจ มีการนำข้อคิดเห็นของเด็กและเยาวชนหลายประการมาจัดทำเป็นมาตรการ เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้รับการพัฒนาศักยภาพและได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่ โดยมุ่งหวังว่าเด็กและเยาวชนจะเรียนรู้ แสดงพลังสร้างสรรค์ มีการลงมือปฏิบัติจริงเพื่อให้เกิดการพัฒนา และขับเคลื่อนประเทศไทยเข้าสู่ประชาคมอาเซียนได้อย่างภาคภูมิ ” นายอนุสรณ์ กล่าวทิ้งท้าย.