กรุงเทพฯ--1 ก.ค.--ซีเอ็มโอ
“ซีเอ็มโอ” เดินหน้าขยายธุรกิจบริหารและออกแบบพิพิธภัณฑ์ รวมถึงศูนย์การเรียนรู้ ต่อเนื่อง หลังแนวโน้มธุรกิจสดใส มีหน่วยงานทั้งภาครัฐ-เอกชน ต่างให้ความสำคัญสร้างพิพิธภัณฑ์ ล่าสุดรับรู้รายได้เกือบ 20 ล้านบาท จาก พิพิธภัณฑ์นิด้า - หอจดหมายเหตุ ธ.ก.ส. แถมยังคว้างานใหม่ มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท ส่งผลให้รายได้ครึ่งปีแรกอยู่ที่ 75 ล้านบาท ด้าน “ผู้บริหาร” พอใจผลงาน ประกาศมั่นใจสิ้นปีรายได้มิวเซียมเข้าเป้า 120 ล้านบาท
นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) หรือ CMO ผู้นำธุรกิจอีเว้นท์ครบวงจรแห่งอาเซียน เปิดเผยว่า แผนธุรกิจในปี 56 นี้ นอกจากการดำเนินธุรกิจอีเว้นต์ บริษัทฯ ได้เทน้ำหนักให้กับธุรกิจการบริการและออกแบบพิพิธภัณฑ์แบบครบวงจร โดยล่าสุด บริษัทฯ เพิ่งรับรู้รายได้ประมาณ 20 ล้านบาท จากการส่งมอบงานออกแบบและจัดสร้างพิพิธภัณฑ์สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และ หอจดหมายเหตุ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร นอกจากนี้ยังมีงานที่รอรับรู้รายได้อีกหลายโครงการ อาทิเช่น นิทรรศการถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จ.อุบลราชธานี ภายใต้กองทัพภาคที่ 2 เป็นต้น
ปัจจุบันธุรกิจบริหารและออกแบบพิพิธภัณฑ์ของ CMO แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1.การให้บริการจัดงานแบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่ออกแบบอาคาร นิทรรศการ และก่อสร้างนิทรรศการ 2.การออกแบบและก่อสร้างนิทรรศการ 3.การก่อสร้างนิทรรศการ และ 4.ศึกษาและออกแบบวางแผนแม่บท ซึ่งปัจจุบันได้เข้าไปบริหารแล้ว 3 แห่ง และปีนี้จะเพิ่ม อีก 5 แห่ง คาดว่าสิ้นปีนี้จะเข้าไปดูแลจัดการและบริหารพิพิธภัณฑ์รวม 8 แห่ง
“บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้จากการรับบริหารและออกแบบพิพิธภัณฑ์ ,ศูนย์การเรียนรู้ ประมาณ 120 ล้านบาท ในปี 56 ซึ่งปัจจุบันรายได้อยู่ที่ประมาณ 75 ล้านบาท แล้ว ซึ่งทำให้มั่นใจว่าอีกครึ่งปีที่เหลือ บริษัทฯ จะทำผลงานเข้าเป้าได้แน่นอน เพราะธุรกิจมิวเซียม รวมถึงศูนย์การเรียนรู้ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก โดยเฉพาะช่วงนี้ที่เป็นช่วงการเตรียมความพร้อมขององค์กรและบริษัทเอกชนในการก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ทำให้องค์กรที่มีขนาดใหญ่ขึ้นในระดับภูมิภาค ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ ผ่านการจัดทำพิพิธภัณฑ์และศูนย์การเรียนรู้ในรูปแบบต่างๆ” นายเสริมคุณ กล่าว
ทั้งนี้ จากการให้ความสำคัญด้านภาพลักษณ์ของทั้งหน่วยงานราชการ เอกชน และองค์กรอิสระ ทำให้ธุรกิจพิพิธภัณฑ์และงานจัดแสดง ตลอดจนศูนย์การเรียนรู้ เติบโตต่อเนื่อง จากปัจจุบันที่มีจำนวนพิพิธภัณฑ์กว่า 100 แห่งทั่วประเทศ โดยมีสัดส่วนของหน่วยงานราชการประเภทพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติราว 60% เติบโตปีละ 8% ขณะที่สัดส่วน 40% เป็นของเอกชนและองค์กรอิสระ เติบโตปีละ 15% จากแนวโน้มการขยายตัวในภาคเอกชน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CMO ยังกล่าวอีกว่า ธุรกิจพิพิธภัณฑ์และศูนย์การเรียนรู้ นอกจากจะเป็นการให้ความรู้แล้ว ยังสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้คนที่มาชมได้อีกด้วย ทั้งนี้ จุดเด่นของธุรกิจพิพิธภัณฑ์ของ CMO อยู่ที่การผสมผสานเทคโนโลยีกับความเข้าใจในเนื้อหาด้านวิชาการและประวัติศาสตร์ โดยมีทีมวิจัยเข้ามาเสริมในส่วนนี้โดยเฉพาะ บวกกับประสบการณ์การทำงานของ ซีเอ็มโอ ทั้งด้านการออกแบบ ความคิดสร้างสรรค์ ตลอดจน บริษัทฯ มีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ทั้งด้านอุปกรณ์จัดแสดง อุปกรณ์ไฟฟ้าและระบบสาธารณูปโภคไปจนถึงการผลิตสื่อมัลติมีเดีย และสิ่งที่สำคัญ คือ งานที่บริษัทฯ ออกแบบต้องไม่ทิ้งปัญหาให้กับผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ ต้องเป็นพิพิธภัณฑ์ที่สามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืน ข้อดีเหล่านี้ทำให้ลูกค้ามั่นใจในการบริการของเรา
ในส่วนของภาพรวมตลาดงานจัดแสดง-พิพิธภัณฑ์ของไทยปัจจุบันมีมูลค่าราว 2,000 ล้านบาท เติบโตปีละ 10% โดยเชื่อว่าจะขยายตัวสูงขึ้นหลังเปิดตลาด AEC เพราะบริษัทขนาดใหญ่ในไทยจะให้ความสำคัญกับการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์ และศูนย์เรียนรู้ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวขององค์กรให้แก่บุคคลภายนอก รวมถึงพันธมิตรธุรกิจต่างประเทศได้เข้าเยี่ยมชมอีกด้วย
“การที่ CMO รุกขยายงานสู่ธุรกิจพิพิธภัณฑ์ ยังถือเป็นการกระจายความเสี่ยงจากธุรกิจอีเวนท์ ที่แม้จะสร้างรายได้จำนวนมาก แต่ก็ต้องระวังปัจจัยเสี่ยงต่อธุรกิจ เช่น การเมือง ภัยพิบัติ น้ำท่วมเป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมขยายรูปแบบการบริการมิวเซียมไปยังอาเซียนเช่นกัน ซึ่งมีการสำรวจตลาดในกัมพูชา เวียดนาม ลาว และพม่าบ้างแล้ว โดยปีนี้วางรายได้ไว้ที่ 120 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมของ บริษัทคาดว่าสิ้นปีจะมีรายได้ประมาณ 1,200 ล้านบาท”นายเสริมคุณ กล่าวทิ้งท้าย