กรุงเทพฯ--2 ก.ค.--บีโอไอ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมคณะบีโอไอ และนักธุรกิจ ร่วมคณะนายกรัฐมนตรี ในโอกาสเยือนโปแลนด์-ตุรกี ระหว่างวันที่ 3-7 กรกฎาคม 2556 นี้ คาดเชื่อมความสัมพันธ์ด้านการลงทุนเพิ่ม ผู้บริหารบีโอไอ ชี้ศักยภาพ 2 ประเทศ เป็นประตูการลงทุนของนักธุรกิจไทยกระจายสู่ยุโรป
นายประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 3-7 กรกฎาคม 2556 นี้ จะนำคณะผู้บริหารของกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ร่วมเดินทางไป สาธารณรัฐโปแลนด์ และ สาธารณรัฐตุรกี ซึ่งเป็นโอกาสเดียวกับที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเยือนทั้ง 2 ประเทศ โดยมีนักธุรกิจเอกชน 30 รายร่วมเดินทางไปด้วย เพื่อสานความสัมพันธ์และส่งเสริมการค้าการลงทุนร่วมกัน
ทั้งนี้ในวันที่ 4 กรฎาคม 2556 บีโอไอ พร้อมทั้งกระทรวงการต่างประเทศ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และททท. ร่วมกับ หน่วยงานส่งเสริมการลงทุนของโปแลนด์ หรือ Polish Information and Foreign Investment Agency (PAlilZ) จะจัดสัมมนาในหัวข้อ “ความร่วมมือ และโอกาสทางธุรกิจระหว่างไทย-โปแลนด์” โดยมีนายกรัฐมนตรีของไทย และนาย โดนัลด์ ทุสค์ นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ ร่วมเป็นประธาน คาดว่าจะมีนักธุรกิจเข้าร่วมงานครั้งนี้ประมาณ 200 ราย
ภายในงานจะมีการจัดนิทรรศการแสดงสินค้าและผลิตภัณฑ์ ซึ่งสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จะนำผลิตภัณฑ์โอทอปด้านไลฟ์สไตล์เข้าร่วมแสดง รวมทั้งมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของฝ่ายไทย หลังจากการสัมมนาจะมีการจัดให้มีกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจระหว่างนักธุรกิจไทยและนักธุรกิจโปแลนด์ ในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ พลังงานทดแทน ท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ ธุรกิจก่อสร้าง และธุรกิจอาหารแปรรูป เป็นต้น
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีของไทยและนายกรัฐมนตรีของโปแลนด์ จะร่วมเป็นสักขีพยานในการ ลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understand - MOU) ระหว่าง บีโอไอ และหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนของโปแลนด์ หรือ PAlilZ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการลงทุนระหว่างกัน หลังจากการประชุมทวิภาคีสองฝ่ายอีกด้วย
หลังจากนั้นวันที่ 6 กรกฏาคม 2556 นายกรัฐมนตรีจะเป็นหัวหน้าคณะนำหน่วยงานราชการไทย และนักธุรกิจไทย ไปร่วมพบหารือกับนักธุรกิจรายใหญ่ของตุรกีกว่า 30 ราย ณ เมืองอิสตันบูล สาธารณรัฐตุรกี
“กิจกรรมสัมมนาและพบปะนักธุรกิจทั้ง 2 ประเทศ จะช่วยกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือระหว่างกันได้มากขึ้น โดยทั้งโปแลนด์และตุรกี เป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเพิ่มความร่วมมือกับไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โปแลนด์ เป็นสมาชิกสหภาพยุโรป และเป็นประตูสู่ยุโรปตะวันออกด้วย จึงเป็นโอกาสของนักลงทุนไทยในการไปลงทุนและผลิตสินค้าที่ได้ตามมาตรฐาน เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนอาหารสำเร็จรูป ซึ่งจะสามารถกระจายไปยังตลาดประเทศอื่น ๆ ได้ง่ายและสะดวกขึ้น” นายประเสริฐกล่าว
สำหรับตุรกี อยู่ระหว่างการเตรียมเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป เป็นประเทศที่โดดเด่นในด้านเป็นศูนย์กลางทางการบินและแหล่งพลังงานที่เชื่อมระหว่างทวีปยุโรป กับเอเซีย และเป็นหนึ่งในประเทศยุทธศาสตร์ของไทยที่จะขยายการค้าการลงทุนระหว่างกัน โดยเฉพาะความร่วมมือกันในด้านอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล ที่มีเป้าหมายขยายตลาดไปสู่สหภาพยุโรป รวมทั้งตุรกีมีศักยภาพในการก่อสร้างสูง และกำลังก่อสร้างระบบราง New Silk Route จากยุโรป ไปจีน
นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า ปัจจุบันการลงทุนจากสาธารณรัฐโปแลนด์และสาธารณรัฐตุรกี ในประเทศไทยยังมีน้อย อย่างไรก็ตาม บีโอไอ ตระหนักถึงโอกาสที่จะกระตุ้นการลงทุนระหว่างกันให้มากขึ้น ปัจจุบัน มีนักลงทุนไทยหลายกลุ่มที่เข้าไปลงทุนในโปแลนด์จนประสบความสำเร็จแล้ว อาทิ บริษัทลักกี้ ยูเนี่ยนฟู้ด ผลิตปูอัด บริษัท ส.ขอนแก่น ผลิตไส้กรอกอีสาน บริษัทสยามซีเมนต์ เทรดดิ้ง ทำธุรกิจจัดซื้อจัดหาวัตถุดิบในการรีไซเคิล เป็นต้น
ขณะที่สาธารณรัฐตุรกี เป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเข้าไปตั้งฐานการผลิตในหลายอุตสาหกรรม เนื่องจากมีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับที่ 16 ของโลก รวมถึงเป็นประตูการค้าไปสู่ภูมิภาคบอลข่าน ทะเลดำ ตะวันออกกลาง และเอเชียกลางได้ โดยไทยและตุรกียังมีศักยภาพที่จะร่วมมือกันได้ในหลายสาขา เช่น อุตสาหกรรมอาหารฮาลาล การต่อเรือ สิ่งทอ การก่อสร้าง และการแปรรูปผลิตภัณฑ์เกษตร เป็นต้น บริษัทไทยที่เข้าไปลงทุนแล้ว ได้แก่ กลุ่มซีพี ดำเนินธุรกิจเลี้ยงไก่ครบวงจรเพื่อส่งออกไปในกลุ่มสหภาพยุโรป