กรุงเทพฯ--3 ก.ค.--คิธ แอนด์ คิน
กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สนับสนุนงบประมาณปี 2556 จำนวน 352.6 ล้านบาท สำหรับโครงการวิจัย พัฒนาเทคโนโลยีด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน รวม 24 โครงการ
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2556 ว่า ที่ประชุมได้อนุมัติงบประมาณจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สนับสนุนโครงการศึกษา วิจัย พัฒนา เทคโนโลยีอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน ในการคิดค้น พัฒนา หรือริเริ่มการดำเนินงานด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนประจำปี 2556 ซึ่งในปีนี้มีโครงการที่กองทุนฯ ให้การสนับสนุน 24 โครงการ รวมวงเงินกว่า 352.6 ล้านบาท
การสนับสนุนโครงการศึกษาวิจัย พัฒนาเทคโนโลยีอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน คณะอนุกรรมการฯ ได้พิจารณาจากข้อเสนอโครงการที่หน่วยงานและสถาบันการศึกษา ยื่นขอรับการสนับสนุนตามหัวข้อที่ประกาศ ได้แก่ งานวิจัยเชิงนโยบาย งานวิจัยเชิงปฏิบัติการ และงานวิจัยเทคโนโลยี และได้ผ่านการพิจารณาจากผู้เชี่ยวชาญแล้ว ซึ่งโครงการด้านการอนุรักษ์พลังงาน มีงานวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนจำนวน 12 โครงการ เป็นเงินสนับสนุน 185.8 ล้านบาท อาทิ โครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะเพื่อบริหารจัดการการใช้พลังงานของอาคาร โครงการศึกษาแนวทางการปรับโครงสร้างภาษีเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพของประเทศไทย โครงการศึกษาเพื่อส่งเสริมการเดินทางที่ไม่ใช้เครื่องยนต์ (Non-Motorized Transport : NMT) และการปรับปรุงการเชื่อมต่อการเดินทางระบบขนส่งสาธารณะเพื่อการขนส่งอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
โครงการด้านพลังงานทดแทน มีงานวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนจำนวน 12 โครงการ เป็นเงินสนับสนุน 166.8 ล้านบาท อาทิ โครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการนำก๊าซไบโอมีเทนอัดเพื่อทดแทนก๊าซปิโตรเลียมเหลวในอุตสาหกรรมเซรามิก โครงการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมไบโอมีแทน เพื่อทดแทนการใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ โครงการการพัฒนาต้นแบบการบริหารจัดการหญ้าเชื้อเพลิง (Feed stock management model) เพื่อผลิตพลังงานแบบครบวงจร เป็นต้น
“กระทรวงพลังงานคาดว่าทั้ง 24 โครงการ ที่ได้รับการสนับสนุน โดยเฉพาะโครงการด้านการอนุรักษ์พลังงาน จะช่วยให้การดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี ในส่วนของมาตรการที่ยังไม่มีการดำเนินงาน อาทิ มาตรการบังคับให้ติดฉลากแสดงประสิทธิภาพพลังงานสำหรับวัสดุอุปกรณ์ มาตรการส่งเสริมการพัฒนาระบบขนส่งอย่างยั่งยืน มาตรการทางภาษีเพื่อผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนทิศทางตลาดในภาคขนส่ง ให้สามารถดำเนินงานได้ตามแผน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกล่าว