กรุงเทพฯ--4 ก.ค.--IR network
“ไทยโพลีคอนส์” เร่งเครื่องขยายธุรกิจด้านพลังงาน มั่นใจอนาคตธุรกิจสดใส ล่าสุดบอร์ดไฟเขียวอนุมัติเพิ่มทุนในบริษัทย่อย “ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง” จากเดิม 210,550,000 บาท เป็น 310,550,000 บาท ขายผู้ถือหุ้นเดิมราคาไม่ต่ำกว่าหุ้นละ 33 บาท คาดได้เม็ดเงินกว่า 330 ล้านบาท นำไปพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลอีก 3 โครงการตามแผนในเฟสแรก รวมทั้งเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของทีพีซีฯ ใน “ช้างแรก ไบโอเพาเวอร์” จากเดิม 65% เป็น 73.125% สอดคล้องวิสัยทัศน์มุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านโรงไฟฟ้าชีวมวล คาดการณ์รายได้จากโรงไฟฟ้าช้างแรกปีนี้ 160-170 ล้านบาท พร้อมเดินเครื่องนำ “ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง” เข้าจดทะเบียนในตลาด MAI ปีหน้า วางเป้าเพิ่มกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าชีวมวลเป็น 100-150 เมกะวัตต์ในปี 2560 คาดช่วยหนุนรายได้ TPOLY ปีนี้โตขึ้น 30%
นายไชยณรงค์ จันทร์พลังศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPOLY เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 5/2556 ได้อนุมัติแผนการเพิ่มการลงทุนของบริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย จากทุนจดทะเบียนเดิม 210,550,000 บาท เป็น 310,550,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 31,055,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาทต่อหุ้น โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 10,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาทต่อหุ้น ในราคาเสนอขายหุ้นละไม่ต่ำกว่า 33 บาท เพื่อเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทย่อยตามสัดส่วน และ/หรือ ผู้ถือหุ้นของบริษัทย่อยที่ประสงค์จะได้รับการจัดสรรเกินส่วน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินที่ได้ไปใช้ในการลงทุน การดำเนินกิจการ และการพัฒนาธุรกิจโรงไฟฟ้าของบริษัทย่อยในอนาคต โดยภายหลังการเพิ่มทุน TPOLY จะรักษาสัดส่วนการถือหุ้นในทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้งฯ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 64.58 ของทุนจดทะเบียน 310,550,000 บาท
“การอนุมัติเพิ่มทุนของบริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้งฯ เป็นไปตามแผนงานบริษัทฯ เพื่อนำเงินที่ได้ไปลงทุนโรงไฟฟ้าชีวมวลเพิ่มอีก 3 โครงการ มูลค่าเม็ดเงินลงทุนกว่า 330 ล้านบาท ในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลอีก 30 เมกะวัตต์ รวมเป็น 40 เมกะวัตต์ตามแผนการลงทุนโรงไฟฟ้าในเฟสแรก ภายหลังจากที่บริษัทขายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าช้างแรก ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวลให้กับ กฟภ. ไปแล้ว 9 เมกะวัตต์ จากกำลังการผลิตที่ 9.9 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าปีนี้จะมีรายได้จากโรงไฟฟ้าช้างแรกจำนวน 160-170 ล้านบาท และกำไรสุทธิที่ 25-30%”
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติอนุมัติให้ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้งฯ ถือหุ้นในบริษัท ช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านโรงไฟฟ้าชีวมวล เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 65 เป็นร้อยละ 73.125 คิดเป็นจำนวนหุ้นสามัญที่เพิ่มขึ้น 1,625,000 หุ้น รวมเป็น 14,624,980 หุ้น ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นใหม่ประกอบด้วย บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 73.125 บริษัท อีเอ็นบีดับเบิ้ลยู คราฟท์เวอร์เก อาเก จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 10 และบริษัท วีเอสพีพี คอนซัลแตนท์ จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 16.875
เนื่องจากเดิมบริษัทอีเอ็นบีดับเบิ้ลยูฯ ได้สิทธิในการจำหน่ายคาร์บอนเครดิตของโรงไฟฟ้าช้างแรก แต่ขณะนี้ทางอีเอ็นบีดับเบิ้ลยูฯ ต้องการมุ่งความสนใจในฐานะผู้ลงทุนโรงไฟฟ้าชีวมวลเป็นหลัก ประกอบกับราคาคอร์บอนเครดิตมีแนวโน้มลดลง ทางคณะกรรมการบริหารของอีเอ็นบีดับเบิ้ลยูฯ จึงมีมติให้คืนสิทธิในการเป็นผู้จำหน่ายคาร์บอนเครดิตของโรงไฟฟ้าช้างแรก และให้จ่ายค่ายกเลิกสัญญาเป็นเงิน 10 ล้านบาทให้แก่ช้างแรกฯ และให้หุ้นร้อยละ 10 แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน
“บริษัท ช้างแรกฯ จะได้เงินชดเชย 10 ล้านบาทจากการยกเลิกสัญญาการซื้อคาร์บอนเครดิต โดยสิทธิการซื้อขายคาร์บอนเครดิตยังคงเป็นของบริษัท ช้างแรกฯ ขณะที่พีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้งฯ ได้หุ้นเพิ่มเติมจำนวน 8% จากการยกเลิกสัญญาดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลดีต่อ TPOLY ในด้านของเงินปันผลที่เพิ่มขึ้นในอนาคต”
เขากล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังวางแผนที่จะนำ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้งฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) ช่วงปี 2557 เพื่อนำเงินที่ได้มาลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลเพิ่มเติมอีก 50-100 เมกะวัตต์ ทำให้มั่นใจว่าทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้งฯ จะสามารถมีกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าชีวมวลได้ถึง 100-150 เมกะวัตต์ในปี 2560
“การวางแผนขยายการลงทุนมากขึ้นต่อเนื่องในส่วนของธุรกิจพลังงาน สอดคล้องกับเป้าหมายระยะสั้นของบริษัทฯที่ต้องการมีโรงไฟฟ้า 100MW ภายในระยะเวลา 3 ปี และ 150MW ภายในระยะเวลา 5 ปี โดยอนาคตวางเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำทางด้านโรงไฟฟ้าชีวมวล โดยได้เริ่มศึกษาโรงไฟฟ้าพลังน้ำในประเทศลาวอีก 3 โครงการ มีกำลังการผลิตทั้งสิ้นประมาณ 100 เมกะวัตต์ ในปีนี้รายได้ของ TPOLY ตั้งเป้าเติบโตจากปีก่อนที่ 25-30% ตามเป้าหมายเดิมที่กำหนดไว้ ในส่วนคณะกรรมการบริษัทฯมีมติให้เพิ่มทุนครั้งนี้ส่งผลให้ธุรกิจพลังงานสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามแผนงานที่วางเป้าหมายได้อย่างแน่นอน”นายไชยณรงค์กล่าวในที่สุด