กรุงเทพฯ--5 ก.ค.--กระทรวงวัฒนธรรม
นายจอน แจ มัน เอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ประจำประเทศไทย เป็นประธานพิธีเปิดศูนย์วัฒนธรรมเกาหลีประจำประเทศไทย เพื่อเป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวัฒนธรรมระหว่างสองประเทศ โดยมีนายสนธยา คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และนายโจ ฮยอน แจ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว ร่วมแสดงความยินดี ณ ศูนย์วัฒนธรรมเกาหลีประจำประเทศไทย (สุขุมวิท 15)
นายจอน แจ มัน กล่าวว่า ราชอาณาจักรไทยและสาธรณรัฐเกาหลี ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1958 และเวลาผ่านมานานถึง 55 ปี จนมีศูนย์วัฒนธรรมฯได้ในวันนี้ที่ประเทศไทย ซึ่งถือเป็นประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ทางการทูตอันยาวนาน เท่าที่ทราบกันมาศูนย์วัฒนธรรมฯ แห่งนี้ประสบความสำเร็จได้ด้วยดี โดยการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยวเกาหลี และกระทรวงวัฒนธรรมไทย ซึ่ง จะเป็นเสาหลักสำคัญในการพัฒนาด้านการทูตระหว่างสองประเทศอย่างแน่นอน
นายโจ ฮยอน แจ กล่าวอีกว่า ทางรัฐบาลเกาหลีมีความยินดีที่ได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์วัฒนธรรมฯ ขึ้นในประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศศูนย์กลางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดกับเกาหลีอย่างยิ่ง ว่ากันว่าคนเกาหลีเกือบทุกคนเคยเข้ามาเที่ยวประเทศไทย ส่วนคนไทยก็มีความรู้สึกคุ้นเคยกับประเทศเกาหลีอย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น โดยเกิดจากกระแสวัฒนธรรมเกาหลีในเรื่องต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้นประเทศไทยยังมีบุญคุณต่อประเทศเกาหลีที่เคยส่งทหารมาช่วยในสงครามเกาหลีเป็นลำดับที่สองรองจากสหรัฐอเมริกา เมื่อปี ค.ศ. 1950 ทั้งสองประเทศ ได้นับถือคุณค่าแห่งวัฒนธรรมเช่นเดียวกัน และปรารถนาต่อประเพณีอันมีค่าและวัฒนธรรมร่วมสมัยดังนั้น รัฐบาลเกาหลีหวังว่าศูนย์วัฒนธรรมฯ แห่งนี้ จะเป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์แห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางศิลปวัฒนธรรมระหว่างกัน ซึ่งจะนำเสนอวัฒนธรรมที่หลากหลาย นอกจากการเต้นรำประวัติศาสตร์เกาหลี และทรัพยากรการท่องเที่ยวแล้ว ผู้เข้าชมยังสามารถสัมผัสด้วยตนเองกับภาษาเกาหลี อาหารเกาหลี ดนตรีเกาหลี และอื่นๆอีกมากมาย ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถเข้าชมศูนย์วัฒนธรรมแห่งนี้ได้ ในวันจันทร์ — ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 10.00 น. — 17.00 น.
ด้าน นายสนธยา กล่าวว่า ปัจจุบันวัฒนธรรมเกาหลีได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางกับประชาชนทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ทั้งในด้านดนตรี ภาพยนตร์ การแต่งกาย และด้านอื่นๆ ถือเป็นความสำเร็จอย่างยิ่งในการส่งเสริมวัฒนธรรมตะวันออกไปสู่สังคมต่างๆทั่วโลก ขณะเดียวกัน การส่งเสริมด้านวัฒนธรรมนั้นนับวันจะมีความสำคัญเพิ่มขึ้น และเกิดความตระหนักกันในประเทศต่างๆแล้วว่า วัฒนธรรมนอกจากจะเป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อสร้างสันติภาพแล้ว วัฒนธรรมยังมีพลังและบทบาทอย่างยิ่งในการสนับสนุนงานทุกด้าน ดังนั้น การเปิดศูนย์วัฒนธรมฯ ในวันนี้จะเป็นโอกาสดีที่ชาวไทยและชาวเกาหลีจะได้ชื่นชมและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างกัน เพื่อเสริมรากและฐานความสัมพันธ์ของประชาชนสองประเทศได้อย่างลึกซึ้งต่อไป