รายงานตลาดรับสร้างบ้านครึ่งปีแรกและแนวโน้มครึ่งหลังปี 2556

ข่าวอสังหา Tuesday July 9, 2013 09:15 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--9 ก.ค.--สมาคมไทยรับสร้างบ้าน รายงานตลาดรับสร้างบ้านครึ่งปีแรกและแนวโน้มครึ่งหลังปี 2556 สมาคมไทยรับสร้างบ้าน (THBA) ภาวการณ์ทั่วไป สมาคมไทยรับสร้างบ้าน (Thai Home Builders Association: THBA) รายงานภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัดครึ่งปีแรก 2556 พบว่าปริมาณและมูลค่าตลาดในช่วง 6 เดือนแรกขยายตัวได้ดี เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว หรือมีมูลค่าตลาดเติบโตขึ้นกว่าร้อยละ 20 โดยปัจจัยสำคัญๆ ที่มีผลให้ตลาดรับสร้างบ้านครึ่งแรกปีนี้ขยายตัวเป็นผลมาจาก ปีนี้ขนาดของตลาดรับสร้างบ้านใหญ่ขึ้น ด้วยเพราะมีการขยายตลาดออกไปยังต่างจังหวัดอย่างจริงจังมากขึ้น จากเดิมผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะเน้นแข่งขัน หรือทำตลาดอยู่เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก แต่ปัจจุบันทิศทางการขยายตลาดเปลี่ยนไป โดยเฉพาะในกลุ่มสมาชิกสมาคมฯ ที่มีทั้งก่อตั้งบริษัทขึ้นใหม่และขยายสาขาออกไปในภูมิภาคเพิ่มขึ้น เช่น เชียงราย นครสวรรค์ นครราชสีมา (ปากช่อง) สุรินทร์ อุบลราชธานี ราชบุรี กาญจนบุรี นครศรีธรรมราช พัทลุง หาดใหญ่ กระบี่ ฯลฯ เป็นต้น รวมถึงมีผู้ประกอบการรายใหม่ๆ จากกลุ่มอุตสาหกรรมผู้ผลิตวัสดุขยายเข้าในตลาดรับสร้างบ้าน จึงทำให้แชร์ส่วนแบ่งตลาดเติบโตเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังพบว่าในช่วงครึ่งปีแรกผู้ประกอบการได้ปรับราคาขายบ้านเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 5-8 ส่งผลให้ตลาดเติบโตตามเพราะมูลค่าต่อหน่วยที่สูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ภาพรวมของตลาดรับสร้างบ้านในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ ยังถือว่าขยายตัวได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้เล็กน้อย โดยปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการขยายตลาดของผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน ยังคงเป็นเรื่องปัญหาแรงงานขาดแคลน โดยเฉพาะการขาดแคลนแรงงานในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลกลายเป็นอุปสรรคสำคัญ เพราะแม้ว่าผู้ประกอบการจะสามารถทำยอดขายบ้านได้ก็ตาม แต่ก็ขาดแรงงานก่อสร้างและส่งมอบได้ไม่ทันกำหนด ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดได้แก่ ผู้ประกอบการที่ยังคงใช้ระบบก่อสร้างแบบเดิมๆ หรือที่เรียกกันว่า “หล่อในที่” การแข่งขัน สำหรับภาพรวมการแข่งขันในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา สามารถพิจารณาแยกเป็น 2 ช่วงได้แก่ ช่วงไตรมาสแรกพบว่า ส่วนใหญ่เป็นการแข่งขันของกลุ่มผู้นำตลาดแบรนด์ชั้นนำ 4-5 ราย โดยกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เน้นทำตลาดในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล และใช้ระบบก่อสร้างสำเร็จรูปหรือกึ่งสำเร็จรูป ซึ่งมีผลกระทบเรื่องปัญหาขาดแคลนแรงงานน้อยกว่ากลุ่มที่ใช้ระบบก่อสร้างแบบเดิมหรือหล่อในที่ เช่น กลุ่มซีคอน กลุ่มบิวท์ทูบิวด์ กลุ่มแลนดี้โฮม และกลุ่มพีดีเฮ้าส์ ที่เน้นทำตลาดทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑลและต่างจังหวัด ทั้งสี่กลุ่มดังกล่าวมีการจัดกิจกรรม ลด แจก แถม กระตุ้นกำลังซื้อและสะสมยอดขายกันอย่างคึกคักในช่วง 3 เดือนแรก ทั้งนี้เพื่อจะเร่งก่อสร้างให้ทันและทำรายได้เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ในปีนี้ ขณะที่ผู้ประกอบการที่เน้นทำตลาดต่างจังหวัดนั้น พบว่ามีการแข่งขันกันไม่มากนัก หรือไม่รุนแรงเท่าการแข่งขันในตลาดกรุงเทพฯ เนื่องเพราะมีผู้ประกอบการแข่งขันอยู่ในตลาดน้อยราย ตัวอย่างเช่นจังหวัดในพื้นที่ภาคกลางและภาคใต้ ยกเว้นบางจังหวัดที่มีการแข่งขันของผู้ประกอบการในท้องถิ่นค่อนข้างรุนแรง ได้แก่ เชียงใหม่ อุดรธานี ชลบุรี เป็นต้น ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ สมาคมฯ สำรวจพบว่ามีผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่มีศักยภาพ เข้ามาแข่งขันในธุรกิจรับสร้างบ้านเพิ่มอีก 3-4 ราย ทำให้ปัจจุบันมีผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน แข่งขันทำตลาดกันอยู่ทั้งในกทม.และต่างจังหวัดเกือบ 100 ราย โดยการเข้ามาของรายใหม่นี้มีความน่าสนใจตรงที่ว่า ประการแรก เพราะเป็นผู้ประกอบการที่ขยายหรือแตกไลน์มาจากกลุ่มผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ประการที่สอง เป็นการนำระบบก่อสร้างบ้านสำเร็จรูปหรือกึ่งสำเร็จรูปมาใช้ในการก่อสร้างบ้าน โดยชูจุดขายที่สามารถก่อสร้างได้อย่างรวดเร็ว เพราะผลิตมาจากโรงงานและใช้แรงงานน้อย จึงไม่มีปัญหาเรื่องขาดแคลนแรงงาน สำหรับราคาขายบ้านของผู้ประกอบการกลุ่มนี้ อาจจะยังไม่ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากนัก ด้วยเพราะราคาขายยังสูงกว่า เมื่อเปรียบเทียบรายเดิมที่อยู่ในตลาดนี้มาก่อน แต่ก็มีผู้บริโภคส่วนหนึ่งยอมจะรับราคาดังกล่าวได้ เพราะต้องการความรวดเร็วของระบบก่อสร้างและคุณภาพที่สม่ำเสมอ อย่างไรก็ดี ในช่วงท้ายไตรมาสอง บรรดาผู้ประกอบการในกลุ่ม Top 10 มีการจัดกิจกรรมการตลาดเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อกันคึกคักกว่าในช่วง 5 เดือนแรก อาจเป็นเพราะต้องการเร่งยอดขายที่ยังไม่เข้าเป้า ในขณะที่รายเล็กรายกลางแทบไม่มีกิจกรรมส่งเสริมการขายใดๆ ออกมากระตุ้นกำลังซื้อเช่นรายผู้นำ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะยังประสบกับปัญหาขาดแคลนแรงงาน แนวโน้มตลาดรับสร้างบ้านครึ่งปีหลัง เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานเศรษฐกิจกระทรวงการคลังหรือสศค. ได้ปรับประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของประเทศไทยจากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้จะเติบโตอยู่ที่ 5.5% เหลือเพียง 4.5% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า 14 ประเทศฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาดไว้ รวมถึงแนวโน้มการใช้จ่ายและลงทุนของภาคเอกชนขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัว โดยเริ่มส่งสัญญาณมาตั้งแต่ช่วงไตรมาสสองปีนี้แล้ว สำหรับ ภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านในช่วงครึ่งปีหลังนี้ สมาคมฯ ประเมินว่า ผู้ประกอบการที่อยู่ในตลาดรับสร้างบ้านน่าจะกลับมาแข่งขันกันมากขึ้น เพราะเชื่อว่าในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา บรรดาผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังทำยอดขายหรือรายได้เฉลี่ยต่ำกว่าเป้าทั้งปีที่ตั้งไว้ นอกจากนี้ในช่วงครึ่งปีหลังถือว่าเป็นช่วงไฮไลต์ของผู้บริโภค ที่จะตัดสินใจสร้างบ้านหลังใหม่ กอปรกับบรรดาผู้ประกอบการเอง ก็จะมีการจัดกิจกรรมกระตุ้นกำลังซื้อพร้อมๆ กัน โดยเฉพาะรายที่แข่งขันอยู่ในตลาดรับสร้างบ้านพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งจะมีการแข่งขันกันรุนแรงเพื่อชิงแชร์ตลาดที่มีแนวโน้มชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศ สมาคมฯ ประเมินว่า ตลาดรับสร้างบ้านในต่างจังหวัดครึ่งปีหลัง น่าจะขยายตัวหรือเติบโตสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจ ทั้งนี้เป็นเพราะต่างจังหวัดยังเป็นตลาดใหม่ ซึ่งผู้บริโภคมีความต้องการจะเลือกใช้บริการกับบริษัทรับสร้างบ้าน แทนผู้รับเหมารายย่อยอยู่ก่อนแล้ว โดยเฉพาะปีนี้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงผู้บริโภคในท้องถิ่นมากขึ้น ทั้งจากการขยายสาขาหรือเปิดกิจการใหม่ รวมถึงผู้ประกอบการบางรายแม้ว่าจะไม่มีสาขาต่างจังหวัด แต่ก็พร้อมให้บริการแก่ผู้บริโภคในต่างจังหวัดด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ การที่ผู้ประกอบการหันมาขยายตลาดรับสร้างบ้านในต่างจังหวัดนั้น ก็ด้วยว่าผู้บริโภคมีความต้องการหรือมีกำลังซื้อเข้ามาจริง จึงเป็นโอกาสดีที่จะเพิ่มแชร์ส่วนแบ่งตลาดจากผู้รับเหมารายย่อยหรือบ้านสร้างเอง ปัจจุบันมีบริษัทรับสร้างบ้านสามารถให้บริการในพื้นที่ต่างจังหวัดได้มากกว่า 60 จังหวัดทั่วประเทศ สมาคมฯ ชี้แนะ นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน กล่าวว่า การขยายตลาดรับสร้างบ้านของผู้ประกอบการที่เคยแข่งขันอยู่เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ หรือส่วนกลางออกไปยังภูมิภาคนั้น ถือเป็นความท้าทายของผู้ประกอบการทั้งในแง่การยอมรับของของผู้บริโภค การแข่งขันกับผู้ประกอบการในท้องถิ่น และการบริหารจัดการขององค์กรตัวเอง ที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์และบริการได้มาตรฐาน รวมถึงสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องของราคาค่าก่อสร้างบ้านที่เป็นจริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการจะต้องแสดงให้ผู้บริโภค เห็นถึงความแตกต่างของผลิตภัณฑ์และบริการอย่างชัดเจน เหมือนที่ผู้บริโภคกรุงเทพฯ เคยสงสัยและสามารถทำความเข้าใจได้ในเวลาต่อมา อีกประเด็นที่บรรดาผู้ประกอบการตัวจริงเสียงจริง ควรหันมาสนใจและใส่ใจดูแลผู้ประกอบการด้วยกันเองและผู้บริโภคมากขึ้น ได้แก่ การแฝงตัวเข้ามาของมิจฉาชีพ และนักธุรกิจที่มีเจตนาฉ้อโกงหรือเอาเปรียบผู้บริโภค โดยสมาคมฯ พบว่า กลุ่มนี้มีการโฆษณารับสร้างบ้านราคาถูกผ่านทางเวบไซต์ ซึ่งไม่ระบุที่ตั้งสถานประกอบการเป็นหลักแหล่ง มีการโฆษณาชวนเชื่อว่ามีสาขาให้บริการหลายแห่ง และสามารถรับสร้างบ้านได้ทั่วประเทศ ทั้งที่จริงแล้วสำนักงานสาขาที่กล่าวอ้างไม่มีอยู่จริง ที่ผ่านมามีผู้บริโภค ซัพพลายเออร์ และผู้รับเหมาช่วงถูกหลอกลวงให้หลงเชื่อและตกเป็นเหยื่อจำนวนไม่น้อย โดยปัญหาที่พบบ่อยคือ มีการเบิกเงินจากเจ้าของบ้านไปแล้วบางส่วน แล้วเบี้ยวไม่จ่ายผู้รับเหมาช่วง จนเป็นเหตุให้มีการหยุดงานและทิ้งงาน “เมื่อเร็วๆ นี้สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคหรือสคบ. จึงได้วางแนวทางแก้ไขและป้องกันปัญหามิให้ผู้บริโภคได้รับความเดือดร้อนอีก โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๓ มาตรา ๔ และมาตรา ๕ แห่งพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการในการกำหนดธุรกิจที่ควบคุมสัญญาและลักษณะของสัญญา พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการว่าด้วยสัญญาออกประกาศ “ให้ธุรกิจการรับจ้างก่อสร้างอาคารเพื่อการอยู่อาศัยเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา” อย่างไรก็ดี สมาคมฯ มองว่าการยกร่างสัญญาฯ ฉบับดังกล่าว ยังมีประเด็นหรือสาระสำคัญที่ขัดกับ พรบ.วิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจก่อสร้างฉบับอื่นๆ ซึ่งทางสคบ.ควรจะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นของผู้ประกอบการหรือผู้อยู่ในวิชาชีพ ที่มีส่วนได้ส่วนเสียจนแน่ใจเสียก่อนว่า ประกาศที่จะออกมาให้มีผลบังคับใช้นั้น สามารถปฏิบัติได้จริงหรือไม่ขัดแย้งกับพรบ.วิชาชีพฉบับอื่นๆ รวมทั้งไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการน้ำดี” นายสิทธิพร นายกสมาคม แสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า เห็นด้วยที่หน่วยงานของรัฐทั้งสคบ.หรือหน่วยงานอื่นๆ จะหาทางป้องกันมิให้ผู้บริโภคได้รับความเดือดร้อน จากผู้ประกอบการที่คดโกงหรือเอารัดเอาเปรียบ รวมถึงมิจฉาชีพที่แฝงตัวเข้ามาในธุรกิจรับสร้างบ้านนี้ แต่การ “ให้ธุรกิจรับจ้างก่อสร้างอาคารเพื่อที่อยู่อาศัยเป็นธุรกิจควบคุมสัญญา” นั้นคงไม่ช่วยป้องกันหรือแก้ปัญหาให้ผู้บริโภคได้ตรงประเด็นนัก เพราะเป็นการช่วยเหลือที่ปลายเหตุ หากมีสิทธิ์เสนอแนวทางก็เห็นว่า ควรประกาศให้ธุรกิจรับจ้างฯ นี้ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานของรัฐ โดยมีข้อกำหนดที่ผู้จะเข้ามาในธุรกิจนี้ต้องปฏิบัติอย่างชัดเจน เช่น ทุนจดทะเบียน หลักแหล่งหรือที่ตั้งสำนักงานที่ชัดเจน การขอใบอนุญาตประกอบอาชีพกับหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนที่เป็นตัวแทนของรัฐ ลิขสิทธิ์การค้าหรือแบบบ้านของตัวเอง ฯลฯ เป็นต้น อย่าลืมว่า ธุรกิจนี้คล้ายคลึงกับธุรกิจประกัน ที่ผู้บริโภคจ่ายเงินไปก่อนแล้ว แต่ได้แค่เพียงกระดาษหรือแบบบ้านหรือแค่ความฝันเท่านั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ประกอบการจะต้องไว้วางใจได้ และมีความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคและสังคมส่วนรวม มิใช่ ใครจะเข้ามาทำธุรกิจนี้ก็เข้ามาได้โดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ ในปัจจุบันแม้แต่อาชีพขับรถแท็กซี่หรือหมอนวดแผนโบราณ ก็ยังมีหน่วยงานกำกับดูแลกันเองและขึ้นทะเบียนไว้ ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้มิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามาและทำความเสียหายแก่ชื่อเสียงของภาพรวมธุรกิจนั้นๆ หมายเหตุ: ตลาดบ้านสร้างเอง ได้แก่ - บ้านที่ประชาชนสร้างบนที่ดินของตัวเอง (ไม่ได้สร้างโดยผู้ประกอบการบ้านจัดสรร) โดยอาจว่าจ้างสถาปนิกออกแบบก่อน หรือซื้อแบบบ้านสำเร็จรูป หรือขอแบบบ้านฟรีจากส่วนราชการ จากนั้นจึงว่าจ้างช่างหรือผู้รับเหมารายย่อยทั่วไป อาจเป็นการจ้างเหมาทั้งวัสดุและค่าแรง หรือจัดซื้อวัสดุเองแล้วว่าจ้างเฉพาะค่าแรง รวมทั้งใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้านให้เป็นผู้ทำการก่อสร้าง ตลาดรับสร้างบ้าน ได้แก่ - บ้านที่ประชาชนสร้างบนที่ดินของตัวเอง (ไม่ได้สร้างโดยผู้ประกอบการบ้านจัดสรร) โดยว่าจ้างหรือใช้บริการเฉพาะกับบริษัทรับสร้างบ้านที่อยู่ในระบบและแข่งขันอยู่ในตลาดรับสร้างบ้านเท่านั้น ติดต่อ: สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สมาคมไทยรับสร้างบ้าน คุณฐิติชญา งามสม (น้ำ) e-mail:Thai.thba@gmail.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ