กรุงเทพฯ--11 ก.ค.--AAS Auto Service
การแข่งขัน Sports Car World Endurance Championship WEC รอบที่ 3, Le Mans 24 Hours/ประเทศฝรั่งเศส
ปอร์เช่ 911 อาร์เอสอาร์ (911 RSR) สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ในการแข่งขัน Le Mans
สตุ้ดการ์ด. ในการแข่งขัน Le Mans 24 Hours ปอร์เช่ได้สร้างตำนานอีกครั้งด้วยการคว้าชัยจากรถหมายเลข 99 และ 100 สร้างประวัติศาสตร์ให้กับการแข่งขันวิ่งระยะไกลที่โด่งดังของโลกได้สำเร็จ ในสนามแข่ง 24 ชั่วโมง นี้ ปอร์เช่ 911 อาร์เอสอาร์ (911 RSR) ที่ขับโดยทีมนักแข่งจากปอร์เช่ภายใต้ชื่อทีม Porsche AG Team Manthey มี Romain Dumas (นักแข่งชาวฝรั่งเศส), Marc Lieb (นักแข่งชาวเยอรมัน) และ Richard Lietz (นักแข่งชาวออสเตรีย) และสู้กับคู่แข่งในคลาส GTE Pro Class ได้อย่างดุเดือด โดยคู่แข่งมีทั้ง Aston Martin, Chevrolet, Ferrari และ Viper ส่วน 911 อาร์เอสอาร์ (911 RSR) คันที่สองขับโดย Joerg Bergmeister (นักแข่งชาวเยอรมัน) Timo Bernhard (นักแข่งชาวเยอรมัน) และ Patrick Pilet (นักแข่งชาวฝรั่งเศส) ที่สร้างตำนานความสำเร็จให้กับรถแข่งจาก Weissach ได้สมบูรณ์แบบด้วยเช่นกัน ส่วนคลาสแข่งขัน GTE-Am class ปอร์เช่ 911 อาร์เอสอาร์ (911 RSR) ขับโดยทีมลูกค้าภายใต้ชื่อทีม IMSA Performance Matmut โดยมี Raymond Narac, Jean-Karl-Vernay และ Christophe Bourret เป็นผู้ขับขี่ ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยเช่นกัน
การแข่งขันวิ่งระยะทางไกลสุดคลาสสิคนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 81 และแข่งขันภายใต้สภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงรวมถึงฝนที่กระหน่ำตกลงมาอย่างหนัก สร้างความลำบากในการขับขี่ แต่ความกังวลและความลำบากทั้งหมดนี้ก็ได้หายไป เมื่อปอร์เช่ 911 อาร์เอสอาร์ (911 RSR) ใหม่ล่าสุดสามารถคว้าชัยชนะมาครองได้บริเวณเส้นชัย ทีมแข่ง Porsche AG Team Manthey ได้ออกมายืนรับการปรบมืออย่างกึกก้องจากการคว้าชัยของพวกเขา โดยมี Dr. Wolfgang Porsche ประธานกรรมการและบอร์ดบริหารจากปอร์เช่, Matthias M?ller ประธานบริหาร รวมถึง Wolfgang Hatz สมาชิกบอร์ดบริหารฝ่ายพัฒนาและวิจัยจากปอร์เช่ร่วมแสดงความยินดีอย่างใกล้ชิด
เพียงแค่ 1 ชั่วโมง จากจุดสตาร์ท 911 อาร์เอสอาร์ (911 RSR) ก็สามารถขึ้นมายึดตำแหน่งผู้นำในรายการแข่งขัน World Endurance Championship WEC สำหรับรถสปอร์ต คว้าคะแนนจากการแข่งขัน Le Mans เป็นสองเท่าตัวเพียงแค่รอบแข่งขันที่ 3 เท่านั้น ด้วยเวลารอบสนามที่เร็วที่สุดทำให้ 911 หมายเลข 92 ต้องต่อสู้เพื่อชัยชนะตั้งแต่เริ่มต้น Pit stops ได้ถูกใช้เพื่อการเติมน้ำมัน เปลี่ยนยาง เปลี่ยนผู้ขับขี่ และให้กลับเข้าสู่สนามอีกครั้ง ทั้งงานแข่งในสนามและงานใน Pit stops ของปอร์เช่นั้นผ่านไปได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่มีปัญหาทางเทคนิค มีเพียงการเปลี่ยนไฟท้ายของปอร์เช่ 911 อาร์เอสอาร์ (911 RSR) หมายเลข 91 ที่ต้องทำการเปลี่ยนเพราะเกิดการเกี่ยวกับคู่แข่ง นักแข่งคนที่ 2 จากทีม Porsche AG Team Manthey ได้เข้าสู่สนามแข่งหลังจากรถ Safety car ได้วิ่งนำ Joerg Bergmeister อยู่ส่งผลให้รถจากปอร์เช่คันนี้ต้องเสียเวลาไปเกือบ 2 นาทีเลยทีเดียว
ในขณะที่คู่แข่งต้องประสบกับความยากลำบากและสนามมีความเปียกชื้น แต่ 911 อาร์เอสอาร์ (911 RSR) กลับไม่มีปัญหาอะไรและทำเวลาได้อย่างเร็วที่สุดอีกด้วย แม้ว่าฝนจะตกอย่างต่อเนื่องเกือบชั่วโมง ก่อนจะเสร็จสิ้นการแข่งขันที่ดำเนินไปอย่างดุเดือด Richard Lietz ยังคงเป็นผู้ขับขี่รถหมายเลข 91 ในการแข่งขันชั่วโมงสุดท้าย รถหมายเลข 91 นี้ สามารถขึ้นแซงเป็นอันดับที่สองและอยู่เหนือ Aston Martin และ Ferrari ได้สำเร็จ ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าปอร์เช่ต้องการแชมป์และรองแชมป์ไว้ในมือ รวมไปถึงการไม่สูญเสียแต้มใดๆ ให้กับคู่แข่ง
ในรุ่น GTE-Am class ปอร์เช่ 911 จีที3 อาร์เอสอาร์ (Porsche 911 GT3 RSR) 3 คันวิ่งขึ้นนำหน้า ที่เส้นชัยผู้ที่สร้างตำนานคือ Raymond Narac, Christophe Bourret และ Jean-Karl Vernay นักแข่งที่ได้รับการสนับสนุนจากปอร์เช่ในการแข่งขัน Porsche Mobil 1 Supercup ในฤดูกาลนี้และเป็นผู้ชนะในรายการ 2012 International Cup Scholarship ซึ่งเขาได้สร้างฝันให้เป็นจริงแล้ว Patrick Dempsey นักแข่งจากปอร์เช่ 1 ใน 3 นักแข่งชาวอเมริกัน ได้นำพาปอร์เช่ 911 จีที3 อาร์เอสอาร์ (911 GT3 RSR) พร้อมด้วยนักแข่งจากปอร์เช่ Patrick Long และ Joe Foster ขึ้นนำด้วยเช่นกัน
เกิดความสูญเสียขึ้นในการแข่งขัน Le Mans ครั้งนี้เมื่อนักแข่งชาวเดนมาร์ก Allan Simonsen ผู้ขับขี่ Aston Martin เกิดอุบัติเหตุในรอบสนามที่ 4 โดยชนเข้ากับกำแพงที่โค้ง Tertre Rouge corner จนทำให้เสียชีวิตหลังจากนำพาไปรักษาพยาบาลอย่างเร่งด่วนที่ Circuit des 24 Heures Medical Centre ได้ไม่นาน
Dr. Wolfgang Porsche ประธานกรรมการและบอร์ดบริหารจากปอร์เช่ได้กล่าวไว้ว่า “ด้วยชัยชนะของหมายเลข 91 และ 100 ทำให้เราได้ดับเบิ้ลแชมป์ด้วย 911 อาร์เอสอาร์ (911 RSR) ในการแข่งขัน Le Mans 24 hour และสร้างความสำเร็จให้ ปอร์เช่เป็นอย่างมาก ผมขอแสดงความยินดีกับผู้คว้าชัยและความพยายามของพวกเขา แต่ถึงอย่างไรบนความสุขของการได้รับชัยของเราก็มาพร้อมกับความเสียใจและตกใจกับการสูญเสีย Allan Simonsen พวกเราไม่เพียงแค่สูญเสียนักแข่งที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์ แต่พวกเราได้สูญเสียเพื่อนและครอบครัวของวงการมอเตอร์สปอร์ตของปอร์เช่ไปด้วย เขาเข้าร่วมการแข่งขัน Le Mans 24 Hours ในปี 2007 ด้วยรถยนต์ปอร์เช่ และในปี 2005 เขาก็ได้เข้าร่วมการแข่งขัน Le Mans Endurance Series พร้อมรถยนต์ปอร์เช่ด้วยเช่นกัน พวกเราขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการจากไป และขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของเขารวมถึงทีมของ Aston Martin ที่ต้องประสบกับเวลาแห่งการสูญเสียนี้”
Matthias M?ller ประธานบริหารและกรรมการบอร์ดของปอร์เช่กล่าวว่า “การแข่งขัน 24 hours ต้องการการทำงานอย่างหนัก สร้างความตื่นเต้นให้ตั้งแต่นาทีแรกจนถึงนาทีสุดท้าย และจบลงได้อย่างสวยงามสำหรับพวกเรา แต่สำหรับ Aston Martin ถือได้ว่าตรงกันข้าม ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของ Allan Simonsen และทีมงานมอเตอร์สปอร์ตของ Aston Martin ด้วยจากใจจริง และการคว้าชัยในครั้งนี้คือการแสดงให้เห็นแล้วว่าปอร์เช่คือโรงงานผลิตรถ GT Racing ที่เหนือกว่าใคร และจะประสบความสำเร็จมากขึ้นในปี 2014 อีกด้วย”
Wolfgang Hatz สมาชิกบอร์ดบริหารด้านวิจัยและพัฒนาของปอร์เช่ได้กล่าวไว้ว่า “ผมรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งกับทีมของเราที่ทำได้สำเร็จ การคว้า 2 แชมป์ซ้อนใน Pro Class คือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งต้องขอบคุณต่อทีมลูกค้าของเราด้วยเช่นกัน ไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่านี้ได้อีกแล้ว”
Hartmut Kristen ผู้นำของปอร์เช่ มอเตอร์สปอร์ต ได้กล่าวว่า “ในการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของ 911 และ 15 ปีที่แล้วที่เป็นครั้งสุดท้ายที่ทีมของเราเข้าร่วมการแข่งขัน Le Mans นี้ และในวันนี้คือการพิสูจน์ให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม ผมไม่ได้หมายถึงแค่เพียงประสิทธิภาพของทีม Pro เท่านั้นแต่ผมหมายถึงความเหนือชั้นของทีมลูกค้าเราที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยเช่นกัน การแข่งขันไม่ใช่เรื่องง่ายแต่สุดท้ายแล้วผลลัพธ์ของการแข่งขันนี้ช่างมีค่าเหลือเกิน”
Olaf Manthey หัวหน้าทีม Porsche AG Team Manthey กล่าวว่า “ผมยังคงพูดไม่ออกสำหรับความสำเร็จของเราในครั้งนี้ หลังจากที่รถ Safety วิ่งออกมา ผมรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ และในตอนนี้ผมยังไม่อยากเชื่อเลยว่าเราสร้างตำนานได้สำเร็จแล้ว ในปี 1999 ผมได้ขับปอร์เช่ในการแข่งขัน Le Mans เป็นครั้งแรกและพวกเราก็คว้าชัยได้เช่นกันในครั้งนั้น และ 15 ปีต่อมาในตอนนี้ผมก็คว้าชัยได้อีกครั้ง ช่างน่าเหลือเชื่อเลยจริงๆ”
Marc Lieb (#92) กล่าวถึงความสำเร็จนี้ไว้ว่า “นี่คือนิยายการคว้าชัย Le Mans หลังจากเข้าร่วมการแข่งขันเป็นครั้งแรกของเราด้วยอาร์เอสอาร์ (RSR) ใหม่ล่าสุดคือบางสิ่งที่คุณไม่เคยคาดหวังและใฝ่ฝันถึง ผมรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งกับผู้ร่วมทีมของผม รวมไปถึงทีมงานทุกคนที่ทำให้ 911 อาร์เอสอาร์ (911 RSR) กลายมาเป็นรถแข่งที่ชนะการแข่งขันของ Le Mans ได้อย่างรวดเร็ว”
Richard Lietz (#92) กล่าวถึงความสำเร็จนี้ไว้ว่า “แม้จะมีหลายสิ่งหลายอย่างเข้ามาในความคิดของพวกเรา แต่ผมก็ไม่รู้สึกว่าเป็นการกดดันที่หนักเท่าไหร่นัก ตั้งแต่เริ่มต้นผมนึกถึงการเสียชีวิตของเพื่อนนักแข่งที่เข้ามาในหัวของผมก่อน และการต่อสู้กันอย่างหนักหน่วงในช่วงสิบวินาทีแรกได้เข้ามาในความคิดของผมในลำดับต่อมา ผมเชื่อว่ามีนักแข่งหลายคนที่ไม่สามารถให้ความสนใจเพียงอย่างเดียวกับการแข่งขัน ผมไม่เคยต้องประสบกับเหตุการณ์ที่มีรถ Safety car หลายต่อหลายคันที่ต้องวิ่งออกมาในการแข่งขัน Le Mans มาก่อนเลย พวกเราโชคดีแม้จะมีฝนในวันนี้ และพวกเราก็ต้องการโชคอย่างมากหากต้องอยู่ในสถานการณ์ที่สภาวะอากาศไม่เป็นใจเช่นนี้ โดยรวมแล้วประสิทธิภาพของพวกเราและรถของพวกเรานั้นยอดเยี่ยม และผมก็ภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง”
Romain Dumas (#92) ได้กล่าวไว้ว่า “การแข่งขันเต็มไปด้วยอารมณ์และความสับสนตั้งแต่เริ่มต้นเนื่องจาก Allan Simonsen ต้องประสบกับอุบัติเหตุ แต่สุดท้ายเราก็โชคดีที่ฝนตกลงมาทำให้เราต้องหันมามีสมาธิกับการแข่งขันมากขึ้น ถึงอย่างไรก็ตามพวกเรารู้สึกประหม่าเป็นอย่างมากเมื่อรถ Safety Car ได้วิ่งออกมาตั้งแต่เริ่มต้น และความสำเร็จในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมสำหรับปอร์เช่ และถือเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีให้กับ 911”
Joerg Bergmeister (#91) ได้กล่าวไว้ว่า “ผมมีความรู้สึกหลายอย่างเกิดขึ้นหลังจาก Allan เกิดอุบัติเหตุ การได้ชัยชนะจากที่หนึ่งและที่สองถือได้ว่าเป็นผลลัพธ์ที่ใฝ่ฝันไว้ เรามีรถที่ยอดเยี่ยมแต่อาจจะโชคร้ายเล็กน้อย แต่ที่สองสำหรับเราก็ถือได้ว่ายอดเยี่ยมแล้ว”
Patrick Pilet (#91) กล่าวไว้ว่า “นี่คือวันที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและความสุข แต่ก็เศร้าด้วยเช่นกัน จากสิ่งที่ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นทำให้พวกเราต้องการอย่างน้อยหลายอาทิตย์ที่จะทำใจให้ได้ ตอนนี้ทุกคนกำลังระลึกถึง Allan ดังนั้นความสำเร็จนี้อาจจะไม่ใช่สิ่งที่มีความสุขได้เต็มที่สำหรับพวกเรา พวกเรามาที่นี้พร้อมด้วยรถที่เหนือชั้น พวกเราทำงานอย่างหนักร่วมกันเพื่อผลการแข่งขันที่ยอดเยี่ยมสำหรับปอร์เช่”
Timo Bernhard (#91) กล่าวถึงความสำเร็จนี้ไว้ว่า “การแข่งขันเต็มไปด้วยความดุเดือด เป็นการแข่งขันที่ยากและต้องพบกับสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง พวกเราหวังถึงตำแหน่งบนโพเดี่ยม และการคว้าแชมป์ 2 แชมป์เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผมที่การแข่งขันนี้เป็นการแข่งขันครั้งสุดท้ายของผมกับ 911 อาร์เอสอาร์ (911 RSR) เราขับได้อย่างรวดเร็วตั้งแต่เริ่มต้น แต่เราก็เสียเวลาไป 2 นาทีตอนรถ Safety ออกมาทำหน้าที่ เราใช้เวลาที่เหลือในการพยายามอย่างหนักที่จะไล่ให้ทัน สุดท้ายเราก็ประสบโชคดีและผมขอแสดงความยินดีกับทีมของผมที่เราสามารถสร้างตำนานได้สำเร็จ วันนี้เป็นวันที่ดีสำหรับทีมของเราจริงๆ”
Jean-Karl Vernay (#76) กล่าวถึงความสำเร็จนี้ไว้ว่า “ปอร์เช่สนับสนุนผมอย่างมากในฤดูกาลนี้ในการแข่งขันรายการ Porsche Mobil 1 Supercup และรายการการแข่งขันที่ Le Mans นี้ ผมต้องการพิสูจน์ให้เห็นว่าปอร์เช่สามารถไว้ใจผมได้ ผมคิดว่าผมประสบความสำเร็จ ผมมีช่วงเวลาวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ดีเยี่ยม”
Patrick Long (#77) ได้กล่าวไว้ว่า “ผมต้องการที่จะขึ้นไปยืนบนโพเดี่ยมร่วมกับ Patrick และ Joe เป็นอย่างมาก และชัยชนะนี้ก็เป็นไปได้แล้ว รถมีความสมบูรณ์แบบที่สุด วันนี้เป็นวันที่ดีสำหรับปอร์เช่จริงๆ ชัยชนะ 2 อันดับในการแข่งขัน Le Mans ด้วย 911 อาร์เอสอาร์ (RSR) ถือว่ายอดเยี่ยมและเหลือเชื่อ ผมขอแสดงความยินดีกับทีมงานที่ Weissach ที่ร่วมกันทำให้ฝันนี้เป็นจริง”
Patrick Dempsey (#76) กล่าวไว้ว่า “Patrick Long ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม เขาขับดีมาก เร็วมาก ผมภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่มีเขาเป็นเพื่อนร่วมทีม และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผมเป็นอย่างยิ่ง ปอร์เช่ให้รถที่ดีเยี่ยมกับเรา พวกเราเข้าใกล้ชัยชนะบนโพเดี่ยมมาก ประสบการณ์ในการแข่งขันในครั้งนี้สำหรับผมคือความเหลือเชื่อ ผมภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจคที่ยอดเยี่ยมนี้”
การแข่งขันรอบที่ 4 ของการแข่งขัน World Endurance Championship รุ่นรถสปอร์ตจะจัดขึ้นในวันที่ 1 กันยายน 2013 ในเมือง Sao Paulo ประเทศ Brazil.
ผลการแข่งขัน
GTE-Pro class
1. Dumas/Lieb/Lietz (F/D/A), Porsche 911 RSR, 315 laps
2. Bergmeister/Bernhard/Pilet (D/D/F), Porsche 911 RSR, 315
3. Dumbreck/M?cke/Turner (GB/D/GB), Aston Martin, 314
4. Magnussen/Garcia/Taylor (DK/E/USA), Chevrolet Corvette, 312
5. Beretta/Kobayashi/Vilander (MC/J/SF), Ferrari 458 Italia, 312
6. Bruni/Fisichella/Malucelli (I/I/I), Ferrari 458 Italia, 311
GTE-Am class
1. Narrac/Bourret/Vernay (F/F/F), Porsche 911 GT3 RSR, 306 laps
2. Perazzini/Case/O’Young (I/I/CDN), Ferrari 458 Italia, 305
3. Gerber/Griffin/Cioci (ZA/IRL/I), Ferrari 458 Italia, 305
4. Dempsey/Long/Foster (USA/USA/USA), Porsche 911 GT3 RSR, 305
7. Henzler/Gibon/Milesi (D/F/F), Porsche 911 GT3 RSR, 300
8. Ried/Roda/Ruberti (D/I/I), Porsche 911 GT3 RSR, 300
9. Collard/Perrod/Crubile (F/F/F), Porsche 911 GT3 RSR, 298
บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงาน ปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรงพร้อมการันตีด้วยการรับรองและผ่านการทดสอบจากโรงงานในระดับเหรียญทอง (Zertifizierter Porsche Techniker — Gold Expert) คอยให้บริการรถ ปอร์เช่ของท่าน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ได้ที่แผนกขาย โทร. 02-522-6655 ต่อ 101-103 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.porsche.co.th
Porsche Centre Bangkok PR
Public Relations and Media
ปวราภา ดุพัสกูล
Phone: +662 522 6655 ext. 448
e-mail: porschepr@porsche.co.th