กรุงเทพฯ--11 ก.ค.--ทริสเรทติ้ง
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของธนาคาร เมกะ สากลพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือหุ้นทั้งหมดโดย Mega International Commercial Bank แห่งประเทศไต้หวัน (Mega ICBC-Taiwan) ที่ระดับ “A+” โดยแนวโน้มยัง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ อันดับเครดิตดังกล่าวได้รับการปรับเพิ่มขึ้นจากอันดับเครดิตเฉพาะของธนาคารในฐานะเป็นธนาคารลูกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของธนาคารแม่ในประเทศไต้หวัน อันดับเครดิตเฉพาะของธนาคารมีพื้นฐานมาจากความแข็งแกร่งทางการเงิน จากปริมาณเงินกองทุนจำนวนมาก รวมทั้งสถานะทางการแข่งขันในสินเชื่อที่ให้แก่นักลงทุนชาวไต้หวันจากการเป็นธนาคารไต้หวันเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ระบบบริหารความเสี่ยงในระดับที่ยอมรับได้ และการมีสินทรัพย์คุณภาพดี อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการได้รับการสนับสนุนด้านธุรกิจและการเงินจากธนาคารแม่ด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกลดทอนลงจากการที่ธนาคารมีส่วนแบ่งทางการตลาดขนาดเล็กในสินเชื่อและเงินฝาก ตลอดจนการมีเครือข่ายธุรกิจภายในประเทศที่มีจำกัด และความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของทั้งสินเชื่อและเงินรับฝาก นอกจากนี้ การเติบโตและความสามารถในการทำกำไรของธนาคารในอนาคตอาจได้รับผลกระทบจากปริมาณการลงทุนของชาวไต้หวันในประเทศไทยที่มีอย่างจำกัด ตลอดจนสภาพเศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีความไม่แน่นอนอีกด้วย ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความเป็นไปได้ที่ธนาคารจะมีผลประกอบการในระยะกลางเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ แนวโน้มอันดับเครดิตยังขึ้นอยู่กับความคาดหมายว่าธนาคารจะยังคงบทบาทการเป็นธนาคารลูกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของธนาคารแม่ในต่างประเทศซึ่งจะช่วยเอื้อประโยชน์ในการขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจและช่วยเสริมความยืดหยุ่นทางการเงินของธนาคาร
ธนาคารเมกะ สากลพาณิชย์ ดำเนินธุรกิจธนาคารพาณิชย์ในกรุงเทพฯ มาตั้งแต่ปี 2490 ในรูปแบบสาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ และยกระดับเป็นธนาคารพาณิชย์ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศในปี 2548 โดยมีระบบการดำเนินงาน รูปแบบ และกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ผสมผสานกับของธนาคารแม่ อีกทั้งยังมีการใช้ชื่อเสียงรวมทั้งตราสัญลักษณ์ของธนาคารแม่เพื่อช่วยขยายธุรกิจในประเทศได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ฐานลูกค้าของธนาคารส่วนหนึ่งเกิดจากสัมพันธภาพอันดีระหว่างธนาคารแม่กับบริษัทไต้หวันที่เข้ามาลงทุนหรือมีบริษัทลูกดำเนินการอยู่ในประเทศไทย นอกจากนี้ วงเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องที่ได้รับจากธนาคารแม่ยังช่วยให้ธนาคารมีสภาพคล่องและความยืดหยุ่นทางการเงินที่เพียงพอ ณ เดือนธันวาคม 2555 ธนาคารแม่ในไต้หวันได้รับอันดับเครดิตจาก Moody’s Investors Service ที่ระดับ “A1” และจาก Standard and Poor’s ที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนความเป็นผู้นำของธนาคารแม่ในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและธุรกิจธนาคารในต่างประเทศ รวมทั้งการมีเงินทุนที่แข็งแกร่ง คุณภาพสินทรัพย์ที่ดี และการสนับสนุนจากรัฐบาลไต้หวัน
ธนาคารเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีสินทรัพย์ขนาดเล็กที่สุดในบรรดาธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในประเทศไทย 16 แห่ง ณ เดือนธันวาคม 2555 โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อที่ 0.15% และเงินรับฝากที่ 0.09% ธนาคารมีมูลค่าทางธุรกิจ (Franchise Value) ที่จำกัด รวมทั้งมีเครือข่ายและบริการที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับธนาคารไทยขนาดใหญ่ ธนาคารมุ่งเน้นการให้บริการกลุ่มลูกค้าชาวไต้หวันหรือที่เกี่ยวข้องซึ่งดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเป็นหลัก ทั้งนี้ ธนาคารมีความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของลูกหนี้โดยมีลูกค้ารายใหญ่จำนวนมาก อีกทั้งการกระจายตัวของลูกค้าตามประเภทธุรกิจและพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ยังจำกัดด้วยเช่นกัน
ผลประกอบการของธนาคารปรับตัวดีขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย รวมทั้งจากผลของการควบคุมต้นทุนด้านเครดิตและต้นทุนดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ โดยธนาคารมีกำไรสุทธิ 269 ล้านบาทในปี 2555 เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 49 ล้านบาทในปี 2554 และอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยในปี 2555 เพิ่มขึ้นเป็น 1.52% จาก 0.29% ในปี 2554
คุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารอยู่ในระดับที่ดี โดย ณ เดือนธันวาคม 2555 ธนาคารมีสินเชื่อด้อยคุณภาพ (สินเชื่อจัดชั้นที่ค้างชำระเกินกว่า 3 เดือน) จำนวน 275 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจาก 313 ล้านบาทในปี 2554 อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมเท่ากับ 1.9% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ธนาคารยังมีสำรองส่วนเกินสำหรับหนี้สงสัยจะสูญจำนวนมากด้วย ณ สิ้นปี 2555 ฐานเงินทุนของธนาคารยังคงแข็งแกร่ง ด้วยอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ 30.42% และอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ระดับ 31.51% เงินกองทุนที่แข็งแกร่งนี้
คาดว่าจะเพียงพอต่อการขยายธุรกิจในอนาคต อีกทั้งยังสามารถรองรับผลขาดทุนที่มิได้คาดหมายอันเกิดจากความเสี่ยงช่วงขาลงได้ในอนาคตในด้านสภาพคล่องและแหล่งเงินทุนนั้น ธนาคารมีโครงสร้างเงินทุนที่พึ่งพาเงินรับฝากมากขึ้น โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2555 มีสัดส่วนเงินรับฝาก 47% ส่วนของผู้ถือหุ้น 30% และเงินกู้ยืมระหว่างธนาคารและตลาดเงิน 22% ในส่วนของเงินรับฝากยังคงมีการกระจุกตัวโดยส่วนใหญ่มาจากกลุ่มบริษัทไต้หวันรายใหญ่ที่ดำเนินกิจการในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม การสนับสนุนด้านการเงินจากธนาคารแม่สามารถช่วยลดทอนความเสี่ยงด้านสภาพคล่องและยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินให้แก่ธนาคารได้อีกด้วย
ธนาคาร เมกะ สากลพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (Mega ICBC)
อันดับเครดิตองค์กร: A+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable