กรุงเทพฯ--15 ก.ค.--โรงพยาบาลรามคำแหง
อาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้รักษาร่วมกับเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพส่งผลให้มองเห็นลักษณะความเสียหายที่เกิดได้อย่างชัดเจน ส่งผลให้การผ่าตัดรักษาเป็นไปอย่างแม่นยำ ตรงจุด และมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยลดความบอบช้ำของแผลผ่าตัดและผู้ป่วยไม่ต้องเจ็บตัวมากเหมือนการผ่าตัดแบบดั้งเดิม
โรคเกี่ยวกับหมอนรองกระดูกเคลื่อนมักเกิดจากหมอนรองกระดูกที่เสื่อมตามอายุ ซึ่งหากร่างกายเสื่อมสภาพหรือมีการใช้งานไม่ถูกต้อง ใช้งานมากเกินกว่าที่หมอนรองกระดูกสันหลังจะรับน้ำหนักได้ก็จะส่งผลให้หมอนรองกระดูกเสื่อมสภาพ โดยอาจเกิดการฉีกขาด แตก หรือเกิดการเคลื่อนตัว และหากผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาก็จะเข้าสู่ภาวะเหมือนผู้สูงอายุซึ่งหมอนรองกระดูกสันหลังจะเริ่มทรุดตัว ช่องของเส้นประสาทที่วิ่งผ่านลงมาจะแคบลงจนไปกดทับเส้นประสาท หรือบางกรณีหมอนอาจแตก เคลื่อนไปกดทับเส้นประสาทส่งผลให้มีอาการปวดร้าวไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกายด้วย ซึ่งเมื่อผู้ป่วยหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนหรือแตกเข้ามาพบแพทย์แล้ว แพทย์จะทำการตรวจอย่างละเอียดด้วยเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ อาทิ เครื่องเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง ( CT SCAN) เครื่องเอ็กซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อหาตำแหน่งของหมอนรองกระดูกที่เสื่อมสภาพหลังจากนั้นจึงวางแผนการรักษาต่อไป
สำหรับการรักษาในปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีการส่องกล้องผ่าตัดมารักษาหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทอย่างแพร่หลาย ซึ่งนอกจากจะทำให้แผลที่ได้มีขนาดเล็กแล้วการส่องกล้องเข้าไปในบริเวณที่หมอนรองกระดูกเกิดความเสียหายนั้นจะช่วยให้แพทย์
สามารถมองเห็นลักษณะภายในหมอนรองกระดูกได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับความชำนาญของแพทย์ผู้รักษาด้วย ซึ่งแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญจะช่วยลดความบอบช้ำของแผลผ่าตัดได้มาก ส่งผลให้การรักษามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเพราะผู้ป่วยเจ็บตัวน้อยลงและระยะเวลาในการพักฟื้นก็สั้นลงด้วย
อย่างไรก็ตาม การรักษาโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนกดทับเส้นประสาทเป็นเพียงการรักษาที่ปลายเหตุ ดังนั้น สิ่งที่ควรตระหนักคือการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ ออกกำลังกายเป็นประจำ ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน และยกของให้ถูกวิธี ซึ่งจะสามารถช่วยชะลอการเสื่อมของหมอนรองกระดูกได้อีกทางหนึ่งนั่นเอง
สายด่วนสุขภาพโทร 0-2743-9999
www.ram-hosp.co.th
www.facebook.com/ramhospital