ลงทุนครึ่งหลังกับความเสี่ยงที่ต้องกระจาย

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 17, 2013 10:39 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--17 ก.ค.--GT Wealth Management สวัสดีครับกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาดูเหมือนกระแสลมจะเริ่มเปลี่ยนทิศกันอีกครั้งนะครับ หลังจากที่ความวิตกชะลอ QE พาเงินไหลกลับสหรัฐฯ การคลายวิตกเรื่องชะลอ QE หลังแสดงรายงานการประชุม FOMC ก็ทำให้เงินไหลกลับเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง ทั้งตลาดหุ้น รวมถึงราคาทองคำกลับตัวขึ้นได้อีกครั้ง สำหรับทองคำเมื่อเดือนก่อนผู้เขียนยังลุ้นอยู่เลยครับว่าทองคำจะหลุด US$1,180 หรือไม่ กลับมาวันนี้ (16 ก.ค. 56) กำลังลุ้นอยู่เช่นกันครับแต่ลุ้นว่าจะขึ้นเหนือ US$1,300 หรือไม่ จะเห็นว่าช่วงระยะเวลาเพียงไม่ถึงเดือนทิศทางของราคาทองคำผันผวนเป็นอย่างมาก ซึ่งก็ไม่เช่นแค่ราคาทองคำเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ค่าเงินบาท ตลาดหุ้น รวมถึงตราสารหนี้ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน น้องท่านหนึ่งที่ติดตามข่าวรอบตัวทั้งด้านสังคม และเศรษฐกิจกล่าวกับผมว่าทุกวันนี้ “ชีวิตอยู่ยากขึ้นทุกวัน” ซึ่งผมก็เห็นจริงด้วย และจากการติดตามตลาดการลงทุนตลอดหลายปีที่ผ่านมาพบว่าชีวิตการลงทุนและการออมในปัจจุบันก็ยากขึ้นเช่นกัน จึงเป็นที่มาของการเขียนบทความในวันนี้ว่า “เมื่อเรื่องการลงทุนมันยากขึ้น” จากความผันผวนที่มีของตลาด แนวคิดที่ดีในการตอบรับต่อความยากนี้อาจจะเป็นเรื่องที่เราคุ้นหูและใกล้ตัวกับสิ่งที่เรียกว่า “การกระจายความเสี่ยง” ก่อนอื่นขอเริ่มด้วยเรื่องของการบริหารเงินก่อนครับ สำหรับท่านที่มีเงินออม อาจจะตั้งคำถามว่าถ้าในภาวะที่ตลาดไร้ทิศทางแบบนี้การลงทุนมีความเสี่ยง ดังนั้นอาจจะถือเงินสดไว้แบบนี้ก็ไม่เสี่ยงใช่หรือไม่ คำตอบคือการถือเงินสดก็ยังมีความเสี่ยงครับ มีความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นเป็นปกติในระบบเศรษฐกิจ ดังนั้นถ้าเราไม่บริหารจัดการเงินให้มีผลตอบแทน เงินสดที่ท่านถือครองอยู่ก็จะมี “อำนาจซื้อ” ที่ลดลงตามราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นหลักการบริหารเงินที่ดีคือให้มีผลตอบแทนของเงินมากกว่าการเติบโตของเงินเฟ้อ อย่างนี้ท่านก็จะรักษาความมั่งคั่งที่มีไว้ได้ ข้อควรระวังคือเมื่อท่านเข้าสู่ตลาดการลงทุนแล้วต้องเข้าใจวัตถุประสงคือการบริหารเงินออมให้งอกเงยไม่ใช้การสร้างผลกำไรเป็นกอบเป็นกำ อยากรวยเร็ว ๆ เพราะจะตามมาด้วยความโลภและอยากที่จะเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา เมื่อเข้าใจเรื่องเป้าหมายของการออมเงินแล้ว มาเข้าใจกันต่อว่าตลาดการลงทุนครึ่งปีหลังจะทำให้ “ชีวิตการลงทุนอยู่ยากขึ้น” อย่างไร เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าการประมาณการเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังของไทยเราอาจจะชะลอลงกว่าช่วงครึ่งแรก จากปัจจัยเสี่ยงมากมาย ทั้งจากนอกประเทศอย่างการชะลอมาตรการ QE การชะลอตัวของจีนซึ่งเป็นประเทศที่เคยดึงเศรษฐกิจโลก ความถดถอยทางเศรษฐกิจของยูโรโซนซึ่งเชื่อว่าปีนี้โดยรวมจะอยู่ในภาวะถดถอย ด้านในประเทศดูเหมือนโครงการภาครัฐที่เคยคาดหวังว่าจะเป็น “พระเอก” อาจจะดำเนินการได้ล่าช้า ขณะที่ภาคการส่งออก การบริโภคภายในประเทศเริ่มชะลอตัวลงที่สำคัญเงินทุนเคลื่อนย้ายมีการปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วและส่งผลให้ค่าเงินบาทมีความผันผวนมากขึ้น จึงอาจจะบอกได้ว่าในช่วงครึ่งหลังของปีตลาดการลงทุนน่าจะมีความผัวผวนมากกว่าในช่วงครึ่งแรก การกระจายความเสี่ยงจึงเป็นหลักคิดที่ดีในการตอบรับต่อความเสี่ยงอาจจะมีวิธีกว้าง ๆ อยู่สัก 4 แนวทางคือ ยอมรับ ป้องกัน ถ่ายโอนและหลีกเลี่ยง ซึ่งในกรณีนี้ถ้ากระจายความเสี่ยงให้ดีภาวะการลงทุนในช่วงครึ่งหลังก็เป็นระดับความเสี่ยงที่พอยอมรับได้ แต่ในภาวะที่มีความผันผวนไม่ได้หมายถึงว่าจะเป็นในเชิงลบเสมอไป เพราะความผันผวนเองก็สร้างผลกำไรได้มากเช่นกัน แต่ในภาวะที่ไม่สามารถคาดเดาตลาดได้นั้นเราไม่ควรที่จะนำเงินออมทั้งหมดไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่ง เพราะถ้าเราคาดการณ์ผิด (ซึ่งก็มีความเป็นไปได้สูง) เงินที่คิดว่าจะให้ออกดอกออกผลกลับกลายเป็นขาดทุนจากการลงทุนไป ดังนั้นจึงควรลงทุนในสินทรัพย์หลาย ๆ ประเภท ขณะที่สัดส่วนในการลงทุนจะลงอะไรเท่าไรนั้นผมว่าขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล และความเสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยหลังที่ท่านได้จัดสรรเงินลงทุนแล้วควรหมั่นติดตามพอร์ตการลงทุนของท่านและไม่ลืมที่จะปรับเปลี่ยนพอร์ตเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขทางเศรษฐกิจ ท้ายสุดนี้ข้อให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการบริหารเงินออมครับ โดย กมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด และ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ GT Wealth Management www.gtwm.co.th TEL : 02-673-9911

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ