กรุงเทพฯ--17 ก.ค.--Mana Media
สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในฐานะเป็นหน่วยงานที่มีภารกิจหลักในการดูแลพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้ได้มาตรฐาน และปรับปรุงให้สวยงาม ได้จัดทำโครงการ “พัฒนาถนนสายท่องเที่ยว จังหวัดพระนครศรีอยุธยา” ขึ้น เพื่อขานรับนโยบาย “โครงการพัฒนาถนนสายท่องเที่ยว" ของกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า “เนื่องจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้ขยายตัวเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดการจ้างงานและสร้างรายได้ให้กับประชาชนอย่างกว้างขวางทั้งในภาคธุรกิจและบริการต่างๆ แต่ปัจจุบันแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวในระดับจังหวัดหรือชุมชนที่ได้รับการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้มาตรฐาน ยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ กรมการท่องเที่ยว เล็งเห็นว่า แหล่งท่องเที่ยวถนนคนเดิน (Walking Street) และตลาดชุมชน เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินทางเข้าเยี่ยมชมอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นแหล่งรายได้หลักของชุมชนด้วย แต่หลายแห่งยังไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ จึงเสนอโครงการ “พัฒนาถนนสายท่องเที่ยว” ขึ้น เพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว ด้วยการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้มีความสวยงาม สามารถแสดงออกถึงวัฒนธรรมในท้องถิ่น มีสิ่งอำนวยความสะดวก การตกแต่งภูมิทัศน์ให้สวยงาม โดยอยู่บนพื้นฐานของความร่วมมือระหว่างกรมการท่องเที่ยว หน่วยงานราชการ และประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้เกิดความรักหวงแหนทรัพยากรการท่องเที่ยวและเกิดการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่นยืน และพัฒนาไปสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยงหรือแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในอนาคต
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา จึงได้เลือกถนนสายเลียบคลองมะขามเรียง เชิงสะพานปรีดีธำรง ในการพัฒนาปรับปรุงเป็นถนนสายท่องเที่ยว “ถนนคนเดินคลองในไก่” เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบาย “พัฒนาถนนสายท่องเที่ยว” ของกรมการท่องเที่ยว โดยการใช้วัสดุและสีในแนวย้อนยุคกรุงเก่า ให้สอดคล้องกับพื้นที่ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันยาวนานของเมืองหลวงเก่าแห่งประเทศสยาม ในรูปแบบชาวบ้านและสนุกสนานรื่นเริง
ในการพัฒนาปรับปรุงภูมิทัศน์แหล่งท่องเที่ยวในครั้งนี้ ทางจังหวัดฯ มีความคาดหวังว่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้มากยิ่งขึ้น สามารถสร้างงานและกระจายรายได้ให้ประชาชน กระตุ้นให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวร่วมกับหน่วยงานของภาครัฐ และเกิดความสำนึกในการรักษาแหล่งท่องเที่ยวและเป็นต้นแบบในการพัฒนาในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป”